ผู้ที่ไม่รู้มรรค
ผู้ฟัง สภาพธรรมของรูปธรรมก็เป็นทุกข์ นามธรรมก็เป็นทุกข์ แต่เคยได้ยินท่านอาจารย์แสดงไว้ว่า รูปธรรมเป็นสาเหตุของความทุกข์ของเราในแต่ละวันมากที่สุด
ท่านอาจารย์ ในกามาวจรภูมิ มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖ ซึ่งเป็นสุคติภูมิ และอบายภูมิอีก ๔ เป็นกามาวจรภูมิ ซึ่งหมายความถึงภูมิที่เต็มไปด้วยรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ซึ่งผู้ใดที่ยังติดข้องอยู่ ก็ไม่สามารถไปสู่รูปพรหมภูมิ หรืออรูปพรหมภูมิได้ เพราะฉะนั้นเราอยู่ตรงไหน คือ ธรรมนี่เป็นเรื่องที่รู้ความจริงเลย ทำไมเราไม่เกิดเป็นพรหม แต่เราเกิดที่นี่ ทำไมเราไม่เกิดเป็นอรูปพรหม แต่เราเกิดที่นี่
นี่ก็แสดงว่า เรามีความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส แต่การที่จะละความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสได้ ต้องถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล เทวดาที่เป็นปุถุชน หรือว่าพระพรหมทั้งหลายซึ่งเกิดในรูปพรหมภูมิหรือในอรูปพรหมภูมิ ก็ยังมีกามราคานุสัย ยังไม่ได้ละ ยังไม่มีปัญญา เพราะเหตุว่าการละกิเลสต้องตามลำดับ การเกิดในพรหมภูมิ เป็นแต่เพียงการระงับด้วยกุศลที่มั่นคงสงบ จนปรากฏเป็นลักษณะของสมาธิที่ใกล้ต่อการเป็นอัปปนาสมาธิ และเมื่อถึงอัปปนาสมาธิเมื่อไร ก็ถึงฌานจิต ซึ่งมีขั้นต่างๆ ทำให้เกิดเป็นพรหมบุคคลในภูมิต่างๆ แต่ก็ยังไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม เพราะฉะนั้นเมื่อยังไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมตราบใด ก็ไม่สามารถเป็นพระโสดาบันได้
เพราะฉะนั้นการที่จะความติดข้องในในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัส จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าต้องเป็นไปตามลำดับ
เพราะฉะนั้นขั้นแรกที่เราพูดว่า ละโลภะ ก็ต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ไม่ใช่โลภะในในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัส แต่เป็นโลภะที่เกิดร่วมกับความเห็นผิด เพราะไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่ปรากฏ ไม่ใช่วันนี้ทุกคนอย่ารับประทานอาหารอร่อย อย่าแต่งตัวสวย ไม่ใช่นะคะ ทุกอย่างเป็นความจริง เราไม่สามารถละความติดข้องในในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัสได้ ตราบใดที่ยังไม่ถึงความเป็นพระโสดาบัน เป็นพระสกทาคามี ถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคลเมื่อไร จึงจะดับความติดข้องในในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัสได้ ต้องเป็นผู้ตรง และอาจหาญที่จะรู้ความจริงว่า ประการแรกที่ละ คือ ละความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน
กำลังแต่งตัว สติเกิดได้ไหมคะ แน่นอนค่ะ กำลังรับประทานอาหารอร่อย สติเกิดได้ไหมคะ เดี๋ยวก็จะกลัว จนอาหารอร่อยก็ไม่กล้าจะรับประทาน น้ำปลา น้ำตาล ไม่ใส่หมด นั่นคือผู้ไม่รู้มรรค หรือหนทางที่จะทำให้เป็นพระอริยบุคคล