งานดีที่ต้องอดทน


    ท่านอาจารย์ งานสบายๆ เพราะเหมือนกับไม่ได้ทำ เพราะไม่ต้องทำอะไรเลยที่เหนื่อยยาก เพียงฟังแล้วก็เข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้นก็เป็นงานที่สบาย จะทำเมื่อไรก็ได้ ไม่มีใครบังคับด้วย แต่ว่าผลที่จะได้ก็แล้วแต่งาน ถ้ามีเวลาทำงานมาก และทำดี ผลก็ต้องดีแน่นอน

    เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่แล้วแต่อะไรจะตัดสิน อกุศลจะตัดสิน โลภะจะวินิจฉัย โทสะจะวินิจฉัย หรือปัญญาวินิจฉัยว่า ควรทำงานอย่างนี้ทุกชาติ ไม่ลำบากเลย กำลังเข้าใจเมื่อไร ขณะนั้นก็เป็นการทำงานของสภาพธรรมที่จะทำให้พ้นจากกิเลสได้ โลภะจะมาสมัครไหมคะ โทสะจะมาสมัครไหมคะ

    อ.กุลวิไล ไม่สมัครค่ะ

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นศรัทธา

    อ.กุลวิไล แล้วขันติจะเป็นประโยชน์ได้อย่างไรคะ

    ท่านอาจารย์ เพราะต้องทราบว่า ขันติเป็นตบะอย่างยิ่ง ตบะ คือ ธรรมที่เผากิเลส เครื่องเศร้าหมอง เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีความอดทน ลองคิดดูว่า เราจะไหวไหม แม้แต่การจะให้ทาน เกิดขุ่นใจมานิดหนึ่งก็ไม่ให้เสียแล้ว กับการที่ไม่ว่าผู้รับจะเป็นใคร แต่เมื่อมีกุศลจิตที่จะช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ก็ไม่คำนึงถึงผู้รับเลย เพราะว่าเพียงให้ เพื่อเขาจะได้ประโยชน์ และขณะที่ให้จิตก็ผ่องใสด้วย ไม่ได้คิดถึงผู้รับเลย

    เพราะฉะนั้นขณะนั้นลองคิดว่า เป็นอย่างนี้บ้างไหม ขณะนั้นผู้รับเป็นอย่างไร อย่างบางคนเห็นคนที่ขัดสนมาก ก็ร้องไห้สงสารเขา ขณะที่ร้องไห้สงสารเขา เป็นอกุศลด้วย อดทนไหมที่จะเข้าใจความจริงว่า ขณะนั้นใครก็เลือกอะไรไม่ได้ เพราะว่าเป็นธรรม ถ้ามีความเข้าใจว่า ทุกอย่างเป็นธรรมจริงๆ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ว่าจะพบเห็นอะไร สิ่งที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจ ก็รู้ว่า ขณะนั้นเป็นธรรมเกิดซึ่งไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นก็จะไม่หวั่นไหว ไม่ตกในการรักหรือชัง แต่เห็นใจคนที่ขัดสน แต่ไม่ต้องร้องไห้ คือว่าเห็นใจก็สามารถจะเป็นมิตรแล้วก็เข้าใจในจิตใจของคนที่กำลังเป็นทุกข์ คนที่เคยกำลังเป็นทุกข์ เราก็เคยเป็นทุกข์ ใครก็ต้องเคยเป็นทุกข์ ใครที่ไม่รู้จักความทุกข์ ไม่มี แล้วแต่ว่าจะทุกข์มาก ทุกข์น้อย ทุกข์ด้วยกิเลส หรือทุกข์เพราะกรรม เจ็บไข้ได้ป่วยเพราะกรรม แต่ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วย แต่โกรธ นี่ไม่ใช่เพราะกรรมแล้ว แต่เพราะการสะสม

    เพราะฉะนั้นถ้าเห็นโทษของอกุศล แล้วก็อดทนที่จะไม่หวั่นไหวไปตามอกุศล ไม่ว่าจะเป็นกุศลประเภทใดๆ ทั้งสิ้น บางท่านอาจจะรู้สึกว่า การมาฟังธรรมนี่ลำบาก บ้านไกล เมื่อเช้านี้ไม่ลำบากมาได้ แต่ตอนบ่ายอาจจะมีธุระติดข้อง หรือลำบากเสียแล้ว เพราะฉะนั้นอดทนไหมคะ เห็นความอดทนไหม เราอาจจะมองไม่เห็นเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น ความอดทนต้องมี ในขณะที่กุศลทั้งหลายจะสำเร็จไปได้ หรือจะดำเนินไปได้โดยไม่ขัดข้อง หรือว่าไม่หวั่นไหว เพราะว่าบางคนเห็นคนทุกข์ยาก มีใจเมตตาอนุเคราะห์เกื้อกูล แต่ร้องไห้สงสารเขา ไม่อดทนแล้ว แต่ถ้าฟังธรรมแล้วรู้ว่า การสามารถช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้ ทำให้จิตของเราผ่องใสแม้เพียงเล็กน้อยที่เราสามารถทำได้ เราก็ทำ ขณะนั้นเราก็มีความปีติที่ได้ทำ แต่ว่าไม่ต้องไปร้องไห้ด้วย


    หมายเลข 8437
    18 ก.พ. 2567