ข่าวดีที่ควรฟัง
ทุกคนฟังข่าวทุกวัน จริงไหมคะ แล้วใครบ้างที่จะรู้ว่า เป็นข่าวของจิต และเจตสิก และรูป ไม่รู้เลยใช่ไหมคะถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม แม้ว่าได้ฟังพระธรรมก็ตามแต่ แต่เวลาที่ได้ยินข่าว ขณะนั้นใจคิดถึงอะไร ไม่ได้คิดถึงเลยว่า ขณะนั้นทุกข่าวเป็นกุศลจิตหรือเป็นอกุศลจิต หรือเป็นผลของกรรม คือ วิบากจิต ไม่ว่าจะเป็นอกุศลวิบากหรือกุศลวิบาก
เพราะฉะนั้นถ้าเป็นข่าวที่ได้ยินได้ฟัง และมีความเข้าใจถูกต้อง ก็จะรู้ว่า ข่าวทั้งหมดก็คือเรื่องราวของจิต เจตสิก และรูป ถ้าไม่มีจิต ไม่มีเจตสิก ไม่มีรูป ข่าวไม่มีเลยค่ะ เพราะฉะนั้นจากการที่ไม่รู้ว่า ข่าวคืออะไร บัดนี้พอฟังแล้วก็รู้ว่า ข่าวก็คือเรื่องราวของจิต เจตสิก และรูป เรื่องราวของกรรม เรื่องราวของผลของกรรม เรื่องราวของกุศลจิต เรื่องราวของอกุศลจิต หรือใครคิดว่าไม่ใช่อย่างนี้ค่ะ ทุกข่าว แต่ไม่ได้คิดเลยสักนิดว่า ขณะนั้นเป็นกุศลจิต หรือเป็นอกุศลจิต เป็นกุศลกรรม หรือเป็นอกุศลกรรม หรือเป็นกุศลวิบาก หรือเป็นอกุศลวิบาก แต่ว่าชีวิตประจำวันเป็นธรรมทั้งหมด
เพราะฉะนั้นการที่จะรู้จักธรรม ก็คือฟังธรรมแล้วก็ไตร่ตรอง แล้วก็เข้าใจทุกอย่าง ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน อย่างที่เคยคิดเคยเข้าใจ
นี่คือประการหนึ่ง คือ ประการแรก ที่ว่าเมื่อได้ฟังแล้วว่า สภาพธรรมจริงๆ ก็คือจิต เจตสิก รูป เพราะฉะนั้นข่าวทั้งหมดเป็นเรื่องราวของจิต เจตสิก รูป ถูกต้องไหมคะ นี่อย่างนี้ขั้นหนึ่ง ทีนี้ต่อไปอีก ใครกำลังได้ยินข่าว ไม่ได้คิดเลยในขณะที่กำลังฟังข่าว ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องราวของกุศลจิต และอกุศลจิต และผลของกรรม
เพราะฉะนั้นสามารถเข้าใจได้ตอนหนึ่งว่า เพราะมีจิต เจตสิก รูป จึงมีข่าวต่างๆ แต่ว่าใครกำลังฟังข่าว อีกตอนหนึ่ง ใช่ไหมคะ
เพราะฉะนั้นก็คือไม่มีเรา แน่นอนค่ะ คำเดิมไม่เปลี่ยน คือ จิตเจตสิกแน่นอน ที่กำลังฟังข่าว ได้ยินข่าว และขณะที่กำลังฟังข่าว ได้ยินข่าว จิตอะไร เจตสิกอะไร ก็ลึกลงไปอีกที่จะรู้ว่า ขณะนั้นฟังแล้วเป็นอย่างไรคะ ฟังแล้วโทสะเกิด ขณะนั้นบอกแล้วว่า โทสะเกิด ไม่ใช่เรา แต่ไม่รู้เลยว่า ขณะนั้นที่ได้ยินสิ่งที่ไม่น่าพอใจ เป็นปัจจัยให้โทสะเกิด มีปัจจัยที่โทสะ ธรรมประเภทหนึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ได้ยินอย่างนั้น ถ้าเป็นเรื่องที่น่าเพลิดเพลิน อย่างบางคนก็จะได้ข่าวจากโทรทัศน์บ้าง จากหนังสือพิมพ์บ้าง หรือเรื่องบันเทิงต่างๆ พอเป็นข่าวเรื่องบันเทิงสนุกสนาน ขณะนั้นจิตอะไรเกิด ก็เป็นปัจจัยให้โลภมูลจิตเกิด ไม่รู้เลยว่า ตั้งแต่เกิดจนตายเป็นธรรมทั้งหมด
นี่คือเริ่มรู้ว่า ในขณะที่ฟังข่าวก็คือ กุศลจิตบ้าง อกุศลจิตบ้างเกิด แต่ความละเอียดยังมีต่อไปอีกว่า ในขณะนั้นมีเห็น และในขณะที่จิตเห็นกำลังเห็นสิ่งที่ปรากฏ ขณะนั้นเป็นข่าวหรือยัง หรือเป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏ และต้องปรากฏ เมื่อถึงวาระที่กรรมจะเป็นปัจจัยให้มีการเห็นเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นการเข้าใจธรรมละเอียดขึ้นๆ ถ้าสามารถมีปัจจัยที่จะระลึกได้ ย่อมสามารถรู้ความจริง คือ ได้ฟังวาจาสัจจะ แล้วก็ไตร่ตรองจนสามารถเข้าใจได้ว่า แม้ขณะนั้นก็เป็นลักษณะของสภาพธรรมประเภทต่างๆ