ความยากของการเกิดเป็นมนุษย์


    ท่านอาจารย์ ไม่ทราบคุณซีได้ฟังเรื่องของเต่าตาบอดหรือเปล่าคะ

    ผู้ฟัง เคยครับ

    ท่านอาจารย์ ลองบอกหน่อยซิคะเป็นอย่างไร

    ผู้ฟัง คือคนที่ตกอยู่ในอบายภูมิแล้ว ที่จะสามารถเกิดเป็นมนุษย์ได้ใหม่ อุปมาเหมือนเต่าตาบอดในมหาสมุทร และทุก ๑๐๐ ปี ก็จะโผล่ขึ้นมาครั้งหนึ่ง และในมหาสมุทรมีห่วงๆ หนึ่งที่เต่าจะสอดหัวได้ และมีทั้งลมทางใต้ ทางเหนือ ทางทิศตะวันออก ตะวันตกที่พัดห่วงนี้ไปมา เมื่อเต่าโผล่หัวมาลอดห่วงนั้น ก็เหมือนกับที่อยู่ในอบายภูมิ และจะได้กลับมาเป็นมนุษย์ได้ใหม่

    ท่านอาจารย์ อย่างนั้นก็น่าอนุโมทนากุศลของทุกคนที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เป็นผลของกุศลกรรมอะไร ไม่ใช่รูปาวจรกุศลแน่ เพราะว่าไม่ได้เกิดในพรหมโลก และก็ไม่ใช่อรูปาวจรกุศลแน่ เพราะต้องเกิดในอรูปพรหมภูมิ แต่เรายังเป็นผู้ที่ยังติดข้องในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัส ตามความเป็นจริงทุกวันตั้งแต่ตื่นจนหลับ ตั้งแต่ชาติก่อนจนถึงชาตินี้ และชาติต่อไป เพราะเหตุว่าผู้ที่จะไม่มีความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ก็คือพระอนาคามี แต่แม้กระนั้นเราก็ได้เกิดแล้วด้วยกุศลหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใครทำกุศลในชาติไหน ทำอะไรไว้ ทำให้เกิดเป็นเราวันนี้ และมีโอกาสได้ฟังพระธรรมด้วย ซึ่งยากกว่าการเกิดเป็นมนุษย์ และไม่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม

    เพราะฉะนั้นแม้ว่าเกิดเป็นมนุษย์ ก็ไม่ใช่ว่า มนุษย์ทุกคนจะมีโอกาสได้ฟังพระธรรม แต่ว่าเราก็พ้นจากเต่าตาบอด มาถึงยุคที่มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ แล้วอยู่ในยุคสมัยที่ได้ฟังพระธรรมด้วย

    เพราะฉะนั้นก็เป็นยุคสมัยที่จะต้องอบรมต่อไปจนกว่าที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรม ไม่ทราบอีกนานเท่าไร บ่วงนั้นก็พัดไปพัดมาอยู่กลางมหาสมุทร แต่ก็ไม่พ้นจากขันติ ความอดทนเป็นตบะอย่างยิ่ง ที่จะเป็นผู้ตรง และพิจารณาเหตุผล และสภาพธรรมเป็นจริง ซึ่งใครก็เปลี่ยนไม่ได้ สภาพธรรมเป็นจริงอย่างไร ปัญญาก็จะต้องรู้แจ้งตามความเป็นจริงของสภาพธรรมอย่างนั้น


    Tag  ซี  
    หมายเลข 8441
    23 ส.ค. 2567