มานะกั้นปัญญาอย่างไร


    ผู้ฟัง มานะเป็นเครื่องกันของปัญญา กั้นอย่างไรคะ

    ท่านอาจารย์ มานะเป็นอกุศล ตรงกันข้ามกับฝ่ายกุศล เพราะฉะนั้นคนที่มานะ เข้าใจว่าตัวเองรู้ เขาก็จะไม่แสวงหาความรู้เพิ่มเติมหรือที่ถูกต้องได้ และปัญญาก็คือความรู้นั่นเอง

    ผู้ฟัง ที่ว่า พระโสดาบันละทิฏฐิ ความเห็นผิด นั่นคือเป็นสักกายทิฏฐิด้วยใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ สักกายทิฏฐิเป็นต้นตอของความเห็นผิดทั้งหมด

    ผู้ฟัง แต่ว่าทำไม ก็คือท่านไม่มีความรู้สึกว่าเป็นตัวตน

    ท่านอาจารย์ ไม่มีความเห็นผิดในลักษณะของสภาพธรรม เพราะท่านอบรมเจริญปัญญาเห็นถูกตามลำดับขั้นของวิปัสสนาญาณ

    ผู้ฟัง แต่ว่าพระอนาคามี ท่านก็ยังมีความเป็นตัวตนด้วยมานะ

    ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ด้วยทิฏฐิ ด้วยโลภะ ด้วยมานะ แต่ไม่ใช่ด้วยทิฏฐิ ความเห็นผิดจะไม่มีเลยหลังที่เป็นพระโสดาบันแล้ว

    ผู้ฟัง แต่ท่านยังมีความเป็นตัวตนไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ด้วยอะไร ด้วยมานะหรือโลภะ แต่ไม่ใช่ด้วยทิฏฐิ

    ผู้ฟัง ขอให้ท่านอาจารย์อธิบายรายละเอียดว่า ความเป็นตัวตนด้วยมานะ ด้วยโลภะ หรือด้วยทิฏฐิ เป็นอย่างไร หรือยกตัวอย่างค่ะ

    ท่านอาจารย์ ปริจเฉท ๑ เลยนะคะ โลภมูลจิต ๘ ดวงเลย ที่มีทิฏฐิเกิดร่วมด้วย เป็นทิฏฐิคตสัมปยุตต์ เพราะว่าเวลาที่มีความเห็นผิด เราไม่เห็นโลภะเลย เห็นแต่ความเห็นผิด แต่ขณะนั้นต้องมีความติดข้องในความเห็นนั้น จึงเห็นอย่างนั้น ถูกต้องไหมคะ เราทำไมไม่เห็นอย่างอื่น เพราะเราไม่ได้ติดข้องในความเห็นอย่างอื่น แต่เรากำลังติดข้องในความเห็นอย่างนั้น เวลาที่ความเห็นผิดเกิดขึ้น จะไม่เห็นลักษณะของโลภะ แต่เห็นความเห็นผิด เป็นทิฏฐิคตสัมปยุตต์

    เพราะฉะนั้นขณะใดที่ไม่มีความเห็นผิด ก็มีโลภะ มีความติดข้อง แล้วแต่ว่าเราจะติดข้องในอะไร ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ แต่ว่าเวลาที่มีความสำคัญตนเกิดขึ้น คนละขณะกับเวลาที่มีความเห็นผิด เพราะเหตุว่าโลภทิฏฐิคตวิปปยุตต์ ที่ไม่มีทิฏฐิเจตสิกเกิดร่วมด้วยจะมีมานะเกิดร่วมด้วยก็ได้ ไม่มีมานะเกิดร่วมด้วยก็ได้ เพราะฉะนั้นก็เป็นต่างขณะกัน บางคนก็ไม่ยอม บอกเวลามีมานะ มันไม่สบาย เหมือนกับเป็นโทสะ ใช่ไหมคะ ใครที่มีมานะ สบายไหมคะ

    ผู้ฟัง ไม่สบายค่ะ

    ท่านอาจารย์ แต่ไม่ใช่โทมนัสเวทนา แต่ลักษณะของความเป็นเรามีชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่โทสะ เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่พยายามที่จะเข้าใจว่า มานะกับโทสะ คนละขณะจิต เพราะว่าสำหรับเขาเหมือนกับว่า ขณะใดที่มีมานะเกิดขึ้น เขาไม่สบายใจ แต่ถ้าเขารู้ว่า ใครเป็นผู้ตรัสรู้ ใครเป็นผู้ทรงแสดง ความรวดเร็วของการเกิดดับสืบต่อกันจริงๆ เหมือนอย่างเห็นกับได้ยิน ใครจะบอกได้ว่า เป็นอย่างเดียวกัน แต่ใครจะแยกได้ว่า ไม่ใช่ขณะเดียวกัน

    เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญาถึงระดับที่จะรู้ได้

    ผู้ฟัง ขอให้ท่านอาจารย์อธิบายคำว่า “มานะ” ค่ะ

    ท่านอาจารย์ ความสำคัญตนค่ะ เวลาที่มีมานะ โดยที่ไม่มีคนอื่นได้ไหม แต่มีความสำคัญตน


    หมายเลข 8478
    23 ส.ค. 2567