ขณะใดเป็นบุญ - บาป
ผู้ฟัง ขอให้ท่านอาจารย์ให้ความหมายว่า บุญคืออะไร และบาปคืออะไร
ท่านอาจารย์ ก็เป็นสิ่งที่รู้ยาก เพราะเหตุว่าต้องเป็นการรู้ขณะจิตจริงๆ ถึงจะรู้ว่า ขณะไหนเป็นบุญ ขณะไหนเป็นบาป แต่ถ้าเราจะดูจากการกระทำ เราก็เห็นได้ว่า ขณะใดที่ทำดีทั้งหมดเป็นบุญการช่วยเหลือคนอื่นก็เป็นบุญ การแสดงความเคารพต่อผู้ที่ควรเคารพก็เป็นบุญ แต่ขณะนั้นต้องไม่ใช่การหวัง หรือการติดในบุญ ถ้าหวังหรือติดเมื่อไร ขณะนั้นไม่ใช่บุญ
ผู้ฟัง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ขณะใดที่เป็นบุญ และในขณะไหนที่เป็นบาป
ท่านอาจารย์ รู้จริงๆ ต้องสติเกิดที่จะรู้สภาพของจิต แต่ถ้าไม่สามารถรู้สภาพของจิตได้ ก็ดูจากการกระทำดีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การรักษาศีล การแสดงความอ่อนน้อม การศึกษาธรรม การเข้าใจธรรม แต่ต้องไม่ติดในบุญ
ขณะที่เราไม่ได้หวังผลใดๆ แต่มีการช่วยคนอื่น ถ้าเขาถือของหนัก เราช่วยเขา แค่นี้ก็เป็นบุญค่ะ เพราะอะไรคะ เป็นจิตที่ดีงาม เป็นกุศล เพราะว่าบุญไม่ได้อยู่ที่อื่น ไม่ใช่ไปได้มา แต่อยู่ที่จิตขณะใดที่ดี จิตที่ดีงามเกิดขึ้นขณะใด ขณะนั้นเป็นบุญ เป็นกุศล อย่าใช้คำว่า “ได้บุญ หรือได้กุศล” เพราะว่าทุกคนจะไปติดที่ต้องการจะได้ แต่ให้รู้ว่า ขณะนั้นเป็นจิตที่ดี แค่จิตที่ดีนี่พอไหมคะ วันหนึ่งๆ มีแต่จิตที่ไม่ดีทั้งนั้น และจะมีโอกาสที่มีจิตที่ดีเกิดขึ้นบ้าง ก็น่าจะพอแล้ว และน่าสะสมจิตที่ดีเพิ่มขึ้น
เวลาที่เราเห็นบุคคลที่ควรแสดงความอ่อนน้อม แต่จิตของเรากระด้าง แม้แต่จะไหว้ ก็ไหว้ไม่ได้ แม้แต่จะทัก ก็ทักไม่ได้ แม้แต่จะยิ้ม ก็ยิ้มไม่ได้ คิดดู ขณะนั้นจิตประเภทไหน แต่ถ้าขณะใดจิตของเราอ่อนโยน มีความเป็นเพื่อน ไม่ว่าจะพบคนแปลกหน้า ซึ่งไม่เคยเห็นเลย แล้วไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน และอาจจะตามไปถึงสัตว์เล็กสัตว์น้อยก็ได้ ใช่ไหมคะ แต่ไม่มีการคิดที่จะเบียดเบียน แล้วก็พร้อมที่จะช่วยเขา ขณะนั้นก็เป็นจิตที่ดีงาม
เพราะฉะนั้นเราคงจะไม่สามารถรู้ลึกถึงสภาพของจิต แต่ก็สามารถดูได้จากการกระทำในวันหนึ่งๆ ว่า ขณะใดเป็นการทำดี ขณะนั้นเกิดเพราะจิตที่เป็นกุศล แต่ว่าจิตที่เป็นกุศลสั้น และน้อยมาก เพราะเหตุว่าเป็นกุศลนิดเดียว อกุศลเกิดสลับทันทีได้แล้ว
เพราะฉะนั้นถ้าเป็นผู้ที่ไม่ไว และไม่ใช่สติที่คมจริงๆ ไม่สามารถแยกขณะที่เป็นกุศลจิต และขณะที่เป็นอกุศลจิตได้ อย่างขณะที่กำลังฟังเป็นกุศลหรือเปล่า ดูจากการกระทำว่าเป็น เพราะว่าการฟังธรรมเป็นสิ่งที่ดี ฟังสิ่งที่มีเหตุผล สิ่งที่ถูกต้อง เพื่อพิจารณาให้เกิดความเข้าใจ เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่พอมีเสียงก๊อกแก๊ก ตอนนั้นเป็นกุศลหรือเปล่าคะ ก็ไม่เป็น
เพราะฉะนั้นต้องเป็นผู้ที่สามารถรู้จริงๆ ว่า กุศล และอกุศลสั้น เกิดแล้วก็ดับอย่างเร็วมาก และก็สลับกัน
เพราะฉะนั้นจึงทำให้เราเป็นผู้ไม่ประมาท ไม่คิดว่า วันนี้ทำกุศล และกุศลมาก แต่ต้องรู้ว่า ในระหว่างกุศลมากนี้ก็ยังมีอกุศลเกิดแทรกได้
นี่ก็เป็นสิ่งที่เราแม้จะไม่รู้ลักษณะสภาพของจิตก็จริง แต่ขณะใดที่ทำสิ่งที่ดี ต้องเกิดจากจิตที่ดี คงจะไม่มีใครไม่รู้ว่า ทำอะไรดี ทำอะไรไม่ดี ก็คงพอจะรู้กัน