กรรมจัดให้


    ผู้ฟัง คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ทำไมคนเราต้องมาเกิดมีพ่อมีแม่คนนี้ มีพี่น้อง มีครอบครัวแบบนี้ เป็นเพราะอะไร เราจึงเกิดมาในสภาพนี้ คือเราเลือกไม่ได้

    ท่านอาจารย์ ถ้าเป็นเรา น่าสงสัย แต่ถ้าเป็นธรรมหรือเป็นธาตุ ซึ่งไม่มีใครบังคับบัญชา แล้วแต่เหตุปัจจัย จะหมดความสงสัยค่ะ แล้วจะไม่ใช่จะหมดความสงสัยว่า ทำไมเราถึงต้องมาเกิดอย่างนี้ ทำไมเห็นอย่างนี้ ทำไมได้ยินอย่างนี้ ต้องตามไปหมดเลย ทำไมๆ ๆ ทั้งนั้น เพราะว่าเกิดมาแล้วก็ต้องเห็น ต้องได้ยิน ต้องได้กลิ่น ต้องลิ้มรส ต้องรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสต่างๆ กันไป ต้องมีเหตุ คือ กรรมที่ได้กระทำแล้วอย่างที่กล่าวถึงในตอนต้นว่า เจตนา ความจงใจ ความตั้งใจ ทำให้กรรมนั้นสำเร็จแม้ในขณะที่ผลนั้นยังไม่เกิด จงใจจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำ จงใจจะขโมยของของคนอื่น นี่เพิ่มกำลังขึ้นมาแล้ว ถ้ากำลังมีมาก ก็จะทำให้จิต ซึ่งเป็นจิตอีกประเภทหนึ่ง คือ เป็นผลของกรรม ภาษาบาลีใช้คำว่า วิบากจิต กุศลเป็นเหตุ ทำให้เกิดกุศลวิบาก คือ จิตที่ดีที่เป็นผล ถ้าอกุศลเป็นเหตุ ก็ทำให้เกิดอกุศลวิบาก คือ ผลของอกุศลกรรม

    เพราะฉะนั้นผลของอกุศลกรรม เราควรจะทราบ เพราะถ้าเราไม่ทราบ ก็เหมือนกับพูดเลื่อนลอย พูดเรื่องกรรม พูดเรื่องผลของกรรม แต่ถ้าเราจะเอาชีวิตจริงๆ เราจะเห็นชัดค่ะว่า ผลของกรรมเริ่มเมื่อไร เริ่มตั้งแต่ขณะแรกที่เกิดในโลกนี้ เพราะเราเลือกไม่ได้ แต่กรรมทำทุกอย่าง จัดสรรไว้เสร็จ ที่ว่าคนนี้จะเกิดที่นี่ มีครอบครัววงศาคณาญาติ ลาภ ยศ สรรเสริญต่อไปตามกำลังของกรรม เพราะว่ากรรมเราทำไว้มาก กรรมดีไม่ได้มีกรรมเดียว กรรมดี แล้วก็กรรมดีมากขึ้นไปอีก แล้วก็กรรมดีกว่านั้นอีก ประณีตกว่านั้นอีก แล้วกรรมดีมากอีก ทีนี้กรรมไหนจะให้ผลตามลำดับขั้นของกรรม ถ้าเป็นกรรมดีเล็กๆ น้อยๆ ก็ให้ผล เราเกิดเป็นธรรมดาๆ แต่ถ้ากรรมนั้นดีประณีตมาก ก็ทำให้ผลนั้นประณีตขึ้นมาอีก เป็นเศรษฐีมหาศาล เป็นคหบดีมหาศาล เป็นกษัตริย์มหาศาล นั่นตามกำลังของเหตุ

    เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ใครจะเลือก ถ้าเป็นคน มองไม่ออกว่าใครทำ แต่ว่าถ้าเป็นเหตุเป็นผล แล้วแต่กำลังของเจตนา ถ้าเป็นอกุศลก็เหมือนกัน ก็แล้วแต่การให้ผลของกรรม และอย่างเรา ทุกคนต้องมีการเจ็บไข้ได้ป่วย แต่จะเจ็บมากเจ็บน้อย ทำกรรมไว้ขนาดไหน ก็ได้รับผลของกรรมขนาดนั้น ไม่ต้องมานั่งถามว่า ทำไมฉันเจ็บมากกว่าเขา ใช่ไหมคะ ทำไมเขาไม่เจ็บเท่าฉัน

    ผู้ฟัง สมมติเรากำลังรับอกุศลกรรมที่ว่า รับมาเยอะแยะแล้ว ตอนนี้เรามีการฟังพระธรรม และมีการทำบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ แล้วสมมติว่ากรรมที่เราทำดีในปัจจุบัน จะแก้การประมวลกรรมที่ทำมาแล้วในอดีตได้ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ อย่าไปคิดแก้ดีไหมคะ สิ่งใดที่จบไปแล้ว เอามาแก้อย่างไรคะ เพราะเหตุว่าสิ่งที่หมดแล้ว จบแล้ว แก้อย่างไร เมื่อกี้นี้รับประทานอาหารหมดไปแล้ว เอามาแก้ใหม่ได้ไหมคะ ไม่มีทางที่จะเป็นได้เลย จะเอาอะไรมาล้างอะไร เพราะฉะนั้นเราจะมีคำหลายคำ ซึ่งทำให้เราเข้าใจผิด เข้าใจคลาดเคลื่อน แล้วเราก็ยังไปติดคำนั้น ใช้คำนั้นอยู่ ทำไมเราไม่เลิกใช้คำที่ผิด และเริ่มใช้คำที่ถูกเสีย กุศลกรรมทำจบแล้ว แก้อย่างไร อกุศลกรรมจบแล้ว แก้อย่างไร แต่ว่ากรรมใหม่ทำได้ และเมื่อกรรมนี้ให้ผล ก็ให้ผลที่ดี ซึ่งเราเรียงลำดับไม่ได้ว่า เอาอันนี้มาก่อนนะ ฉันรีบๆ ทำอันนี้ อันนี้จะได้มา เพราะเหตุว่าเราก็เคยเห็นคนที่ทำความดี แต่ก็ยังได้รับผลของอกุศลกรรม

    เพราะฉะนั้นใครจะไปนั่งจัดระเบียบจัดการ ซึ่งจัดไม่ได้ อย่างไรก็ทำไม่ได้ เพราะเหตุว่าไม่มีเรา แต่มีสภาพธรรมที่วิบากเกิด เพราะว่ากรรมนั้นสุกงอมพร้อมจะให้ผล ซึ่งกรรมมีมาก แล้วแต่กรรมไหนจะให้ผล


    หมายเลข 8513
    23 ส.ค. 2567