อุปาทายรูป
ท่านอาจารย์ รูปไม่ได้มีแต่เพียงดิน น้ำ ไฟ ลม ยังมีรูปอื่นๆ ด้วย เพราะฉะนั้นรูปอื่นๆ เวลาเกิด ต้องเกิดกับมหาภูตรูป แยกเกิดจากมหาภูตรูปไม่ได้เลย จึงใช้คำว่า “อุปาทายรูป” หรือ “อุปาทารูป” หมายความถึงรูปที่อาศัยเกิดกับมหาภูตรูป ไม่แยกจากมหาภูตรูปเลย เวลา คุณเด่นพงศ์รับประทานอาหาร มีรสต่างๆ ไหม
ผู้ฟัง มีครับ
ท่านอาจารย์ รสเป็นมหาภูตรูปหรือเปล่า
ผู้ฟัง ไม่เป็น
ท่านอาจารย์ แต่ที่รสต้องมีมหาภูตรูป ๔ ไม่แยกเลย เป็นใหญ่ เป็นประธานจริงๆ รูปอื่นทั้ง หมด ไม่ว่าจะเป็นรูปใดๆ ก็ตาม ต้องมีมหาภูตรูปเกิดด้วย และอาศัยเกิดกับมหาภูตรูป
ผู้ฟัง รสเป็นอุปาทายรูป
ท่านอาจารย์ เป็นอุปาทายรูป เพราะไม่ใช่มหาภูตรูป
ผู้ฟัง แต่ก็มีมหาภูตรูปปนอยู่ด้วย
ท่านอาจารย์ ต้องเกิดกับมหาภูตรูป แยกกันไม่ได้เลย ที่ใดมีรส ที่นั่นต้องมีมหาภูตรูป ๔ แยกรสออกจากมหาภูตรูปไม่ได้ แม้รสไม่ใช่อ่อน แข็ง เย็น ร้อน ตึง ไหว แต่รสก็เป็นรูปที่ เกิดกับมหาภูตรูป ที่นั่นต้องมีมหาภูตรูปด้วย
ผู้ฟัง ถ้าอย่างนั้นเราเรียกว่า รส มีทั้งอุปาทายรูป และมหาภูตรูป
ท่านอาจารย์ อะไรเป็นอุปาทายรูป
ผู้ฟัง รส
ท่านอาจารย์ รสเป็นอุปาทายรูป ไม่มีมหาภูตรูปหรือ รสเปล่าๆ เกิดได้ไหม ไม่ได้ เพราะ ฉะนั้นเวลาที่รสปรากฏ ก็แสดงว่า ที่นั่นต้องมีมหาภูตรูป ๔ ปราศจากมหาภูตรูป ๔ ไม่ได้ เลย อันนี้เข้าใจแล้ว
กลิ่นละคะ
ผู้ฟัง กลิ่นก็เป็นอุปาทายรูป
ท่านอาจารย์ เป็นอุปาทายรูป เพราะเวลากลิ่นกระทบจมูก ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่ได้ กระทบด้วย แต่ต้องมีธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมอยู่ด้วย จึงมีกลิ่น
ผู้ฟัง มีอยู่ด้วยหรือ
ท่านอาจารย์ ต้องมีค่ะ เพราะฉะนั้นใน ๑ กลาป คือ รูปกลุ่มที่เล็กที่สุดซึ่งแยกอีกไม่ได้ แล้ว จะมีรูปทั้งหมด ๘ รูป คือ มหาภูตรูป ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม แล้วก็มีสี มีกลิ่น มีรส มีโอชา ๘ รูป แต่บางกลาป หรือบางกลุ่มจะมีมากกว่านั้นอีก เช่น เสียง ถ้าไม่มีมหาภูตรูป จะมี เสียงได้ไหม
ผู้ฟัง ถ้าไม่มีมหาภูตรูป มีเสียงไม่ได้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นที่ใดที่เสียงมีอยู่ ตรงนั้นต้องมีมหาภูตรูป ๔ และเมื่อมีมหาภูตรูป ๔ ต้องมีสี มีกลิ่น มีรส มีโอชาด้วยไหม
ผู้ฟัง มีครับ
ท่านอาจารย์ แยกกันไม่ได้เลย ๘ รูป จึงใช้คำว่า “อวินิพโภครูป ๘” ไม่ได้มีแต่เฉพาะ มหาภูตรูป ๔ แต่มีอุปาทายรูป ๔ รวมอยู่ด้วยทุกกลาป และก็เพิ่มเมื่อมีรูปอื่นรวมอยู่ เกิด ร่วมด้วยในที่นั้นอีก เพราะฉะนั้นก็มีกลุ่มของรูปที่มากกว่า ๘ รูปด้วย
ผู้ฟัง ทำไมสัททรูป ไม่รวมอยู่ในอวินิพโภครูป ๘ ที่จริงก็มี สี เสียง กลิ่น รส โอชะ นี่ เป็นโคจรรูป ใช่ไหมคะ
ท่านอาจารย์ อย่างแข็งที่เราเรียกว่า“โต๊ะ” มีเสียงไหมคะ ไม่มี แล้วจะให้เสียงไปอยู่ที่ไหน จะ ให้เสียงเป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ไม่ได้ จะให้เสียงเป็นสี เป็นกลิ่น เป็นรส เป็นโอชาซึ่งเกิดในที่นั้น ซึ่งแยกไม่ได้
เพราะฉะนั้นเมื่อแยกไม่ได้ ใช้คำว่า แยกไม่ได้ เราก็จะมาเข้าใจความหมายว่า หมายความว่าอะไร หมายความว่าเมื่อใดที่มีรูปหนึ่งรูปใดที่เป็นมหาภูตรูปเกิด มหาภูตรูป ๔ แยกไม่ได้แล้ว จะขาดไปสักหนึ่ง ก็ไม่ได้ ต้องครบ ๔ และในที่ที่มีมหาภูตรูป ๔ ก็ยังมี สี ซึ่งไม่ใช่มหาภูตรูป มีกลิ่น ไม่ใช่มหาภูตรูป มีรส ไม่ใช่มหาภูตรูป มีโอชา ไม่ใช่มหาภูตรูป รวมอยู่ในกลุ่มหรือในกลาปนั้น ซึ่งใช้คำว่า “แยกไม่ได้”
เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจความหมายของรูปที่แยกไม่ได้ ๘ รูป คือ ต้องมีทั้ง ๘ รูป ไม่ใช่มีแต่เฉพาะมหาภูตรูป ๔ แต่ถึงแม้ว่าแยกไม่ได้ก็จริง แต่ ๔ รูปเท่านั้นที่เป็นมหา- ภูตรูป อีก ๔ รูปไม่ใช่มหาภูตรูป
นอกจากนั้นก็คือมีรูปอื่นเกิดเพิ่มอีกได้ รวมอยู่ได้ แต่ไม่ใช่มหาภูตรูป และไม่ใช่ อวินิพโภครูป เพราะว่าบางครั้งก็มีรูปนั้น บางครั้งก็ไม่มีรูปนั้น แต่ ๘ รูปนี่ต้องมี ขาดไม่ ได้เลยสักรูปเดียว