เด๊กๆกับธรรม - เข้าใจรูปนามคือพิ้นฐาน


    ผู้ฟัง จุดประสงค์ที่รู้ว่า นามธรรมกับรูปธรรมเพื่อรู้ความจริง เมื่อความจริงนี้ความหมายจริงๆ คืออะไรคะ

    ท่านอาจารย์ ไม่ใช่เรา อนัตตา

    ผู้ฟัง ก็คือให้รู้ว่า ไม่ใช่ตัวเรา

    ท่านอาจารย์ ไม่มีเราเลยตั้งแต่เกิดจนตาย เป็นธรรมทั้งหมด ในสังสารวัฏฏ์ทุกชาติเป็นธรรม

    ผู้ฟัง ถ้ามีความคิดเป็นตัวเรา จะเป็นอย่างไรคะ

    ท่านอาจารย์ เป็นความเห็นผิด

    ผู้ฟัง ซึ่งจะก่อปัญหาเยอะแยะใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ถูกต้องค่ะ เพราะฉะนั้นการรู้แจ้งอริยสัจธรรมขั้นแรก ดับความเห็นผิด สักกายทิฏฐิ ไม่มีอีกเลยที่จะเห็นว่าเป็นเรา เห็นถูกตามที่พระพุทธเจ้าทรงประจักษ์แจ้ง ทรงตรัสรู้ ทรงแสดงให้คนที่อบรมเจริญปัญญาได้เห็นความจริงอย่างนั้นตามด้วย

    คุณฟองจันทร์ ฉะนั้นที่ท่านอาจารย์กล่าวมาทั้งหมด ไม่ว่าเรามีแต่เฉพาะ

    ท่านอาจารย์ ธรรมมี ๒ อย่าง เวลานี้ไม่มีเรา มีธรรม ซึ่งมี ๒ อย่าง คือ นามธรรมกับรูปธรรม

    คุณฟองจันทร์ อาจารย์กำลังบอกว่า ที่เด็กๆ กำลังคิดว่า มีคุณพ่อคุณแม่ มีท่านอาจารย์ที่กำลังแสดงธรรมอยู่ มีเสียงที่กำลังได้ยินอยู่ตอนนี้ มามูลนิธิ เป็นตัวเราอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะความเห็นผิด

    ท่านอาจารย์ ตอนนี้บอกเด็กๆ ว่า เก็บไว้ให้หมดเรื่องความคิดของตัวเอง กำลังฟังอะไรให้เข้าใจสิ่งนั้น จะได้ไม่ก้าวก่าย ไม่สับสน และเราเริ่มจะเข้าใจ พอเราเข้าใจอย่างนี้ เราคิดได้เลยว่า อะไรเป็นอะไร คือ ก่อนอื่นนามธรรมกับรูปธรรม ต้องเข้าใจเด็ดขาด แยกกันโดยเด็ดขาด ไม่สับสน ไม่ว่าจะเคยคิดว่าเป็นอะไร ที่ไหน อย่างไรทั้งสิ้น ให้ทราบว่าเป็นนามธรรมหรือรูปธรรม

    นี่คือการบ้าน ถ้าสงสัย ง่วงมีจริงๆ ไหมคะ มี ง่วงเป็นนามธรรมหรือรูปธรรมคะ เป็นนามธรรม

    นี่ค่ะ คือเราเข้าใจจริงๆ นี่คือการเข้าใจธรรม เราไม่ใช่เรียนตามตัวหนังสือ หรือต้องไปท่องเลย แต่ขณะนี้มีธรรม และเรียนให้เข้าใจธรรมที่กำลังมีในขณะนี้ให้ถูกต้อง โดยเริ่มที่ว่า เป็นธรรมทั้งหมด แล้วก็เป็นนามธรรมหรือรูปธรรม จะต่อได้ไหมคะ หรือจะอยู่ตรงนามธรรมกับรูปธรรม

    อ.นิภัทร ที่ท่านอาจารย์พูดมา ทุกคนคงจับประเด็นได้ว่า อาจารย์พูดว่าธรรมคืออะไร ธรรมก็คือของจริงที่มีอยู่จริงๆ อาจารย์พูดว่า ของจริงที่มีอยู่จริงๆ มีลักษณะ ๒ อย่าง คือ ที่เป็นรูปธรรม สภาพที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างหนึ่ง และที่เป็นนามธรรม คือ สภาพที่รู้อย่างหนึ่ง ๒ อย่าง อาจารย์พูดอย่างนี้ และของจริงที่มีอยู่จริงๆ เป็นรูปธรรม ลักษณะของรูปธรรมก็คือไม่รู้อะไรเลย ลักษณะของนามธรรมก็คือรู้ได้ ก็มีอยู่แค่นี้ เป็นหลักที่จะทำให้เราคิดได้เยอะๆ


    หมายเลข 8565
    23 ส.ค. 2567