ความเข้าใจยังไม่พอ
สนทนาธรรมกับเด็ก
ผู้ฟัง ถ้าเกิดเรารู้เรื่องนามธรรม รูปธรรม จิต เจตสิก ถ้าเข้าใจตรงนั้นแล้ว จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมปริจเฉทอะไรเยอะแยะอีกหรือเปล่าคะ
ท่านอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นปริจเฉท ไม่ว่าจะเป็นพระไตรปิฎก หรืออรรถกถา ก็ไม่พ้นจากนามธรรม และรูปธรรมที่ทำให้เราเข้าใจละเอียดขึ้น จนกระทั่งสามารถเห็นจริงว่า ไม่ใช่เรา เพียงแค่นี้ยังเห็นไม่จริง เพียงแค่ได้ยินได้ฟังนิดเดียว ต้องจริงอีกมากกว่านี้มาก
ผู้ฟัง หมายความว่าเราต้องศึกษาไปเรื่อยๆ ตามกำลังศรัทธาของเราใช่ไหมคะ คือ มีปัญญาจะศึกษาแค่ไหนก็แค่นั้น ไม่ต้องหวังมาก เพราะว่ายาก รับว่ายาก แต่ก็รู้สึกคุ้มแล้วที่มาฟัง แม้เข้าใจนิดหน่อย แต่ก็ละความเห็นผิด จากเดิมที่มีตัวตนมาก เราก็โกรธคนนั้นคนนี้มาก เพราะเรารักตัวเอง
ท่านอาจารย์ เราต้องรู้จุดประสงค์ของการฟังว่า ฟังเพื่อเข้าใจ และเวลาฟัง เราจะรู้เองว่า เราเข้าใจพอหรือยัง ยังไม่พอ เพราะฉะนั้นก็ฟังต่อไป ศึกษาต่อไปอีก .แล้วก็พอหรือยัง ก็ยังไม่พอ ก็จะต้องเป็นอย่างนี้ ใช่ไหมคะ นี่คือผู้ที่เข้าใจธรรม คือรู้จริงๆ ว่า นี่เป็นเรื่องราวของสภาพธรรมที่ตัวธรรมจริงๆ กำลังเกิดดับเป็นอย่างนี้ แต่ความรู้ยังไม่พอ เพราะฉะนั้นก็ต้องศึกษาไปจนกว่าจะพอ
ผู้ฟัง อย่างการอโหสิกรรมจะทำได้จริงไหม เราจะไม่ต้องไปข้องเกี่ยวกับผู้ที่ทำกรรมร่วมหรือ เขาจะไม่มาทำกรรมร่วมกับเราจริงหรือเปล่า
ท่านอาจารย์ ขึ้นอยู่กับกรรมแค่ไหน กรรมอะไร และคนนั้นเป็นใคร
ผู้ฟัง ถ้าเกิดเราอโหสิร่วมกัน มันจะมีผลไหมคะ มันจะไม่เกิดตัวนั้นขึ้น
ท่านอาจารย์ คือเวลาที่เราทำอกุศลกรรมแล้ว เราจะเดือดเนื้อร้อนใจ ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นถ้าเราคิดว่า เราไปขอโทษเขาเสีย คำว่า “อโหสิ” แปลว่า กรรมที่ทำแล้ว แต่เรามาใช้กันผิด เรื่องใช้ผิด เราใช้ผิดเสมอ เพราะฉะนั้นต้องกลับมาเข้าใจจริงๆ ว่า อโหสิ คือ ทำแล้ว เพราะฉะนั้นอโหสิกรรม คือ กรรมที่ทำแล้ว
เพราะฉะนั้นกรรมที่ทำแล้ว ถ้าเป็นอกุศลกรรมเราจะเดือดเนื้อร้อนใจ สมมติว่าเราไปว่าใครเขา โดยที่ความจริงเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย แต่คนอื่นทำให้เราเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นการที่เรารู้สึกว่า เราผิด แล้วเราไปขอโทษ ขออภัย ทำให้ความเดือดเนื้อร้อนใจของเราหายไปหรือบรรเทา เพราะว่าไม่ใช่กรรมหนักเหมือนฆ่าสัตว์ หรือลักทรัพย์ เพราะฉะนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเป็นกรรมอะไร แล้วคนนั้นเป็นใคร และเรามีกุศลจิต อกุศลจิตมากน้อยแค่ไหน ถ้าเป็นการขอโทษด้วยความจริงใจ เสียใจจริงๆ เขาก็เข้าใจ เราก็ไม่เดือดร้อน เพราะว่าถ้าเราเข้าใจใครผิด แล้วเราก็ไปทำให้เขาเข้าใจถูกขึ้น เราก็ไม่ต้องมาเดือดร้อนว่า ป่านนี้เขาจะคิดอย่างไร เราจะคิดอย่างไร แต่ถ้าเป็นกรรม เช่น การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ที่ทำไปแล้ว ก็จะต้องให้ผล ต่อให้ไปอโหสิอย่างไรก็ไม่ได้
ผู้ฟัง สมมติว่าเขาทำกับเราอย่างนี้ จำเป็นต้องไปบอกเขาไหมว่า เราไม่โกรธเขา เราให้อภัย
ท่านอาจารย์ ก็แล้วแต่ค่ะ เขาเดือดเนื้อร้อนใจหรือเปล่า
ผู้ฟัง ขึ้นอยู่กับตัวเราใช่ไหมว่า จะบอกเขาว่าเราไม่โกรธเขา
ท่านอาจารย์ เราไม่รู้ด้วยซ้ำไป บางทีเขาว่าเรา เราก็ไม่รู้ เราจะไปบอกเขาได้อย่างไร บางทีเราไม่รู้เลย ใครคิดอะไรกับเราที่นี้ เราก็ไม่รู้
ผู้ฟัง คือมีเพื่อนทำให้ไม่สบายใจ แต่ก็ไม่เคยไปบอกเขา
ท่านอาจารย์ เขาไม่สบายใจ หรือเราไม่สบายใจ เขาทำให้เราไม่สบายใจ
ผู้ฟัง เขาไม่รู้ว่า เราหายโกรธเขาจริงไหม หรือเรายังโกรธเขาอยู่ จำเป็นต้องไปบอกเขาไหมว่า เราหายโกรธแล้ว
ท่านอาจารย์ อันนี้แล้วแต่เรา เราต้องรู้จักเขาดีกว่าใคร ทุกอย่างไม่ใช่เป็นกฎเกณฑ์ แต่ต้องเป็นแต่ละเหตุการณ์ แต่ละบุคคล
คุณยุ้ยเข้าใจดีไหมคะ วันนี้ ธรรมคืออะไร อย่าลืมนะคะ พอพูดคำไหนก็ต้องคืออะไร จะได้เข้าใจจริงๆ ธรรมคืออะไร
ผู้ฟัง ธรรมคือรูปธรรม นามธรรม ใช่ไหมคะ
ท่านอาจารย์ ค่อยๆ ฟังค่ะ มีอีกเยอะ