ก้าวแรกของการศึกษาธรรม
ธรรมที่จะได้ฟังมากมาย แต่ว่าต้องพิจารณา แม้ว่าคำเริ่มต้น สิ่งที่มีจริงในขณะนี้เป็นธรรม หายสงสัยไหมคะ แค่เริ่มเข้าใจตอนต้น เริ่มจากสิ่งที่มีจริงขณะนี้ทั้งหมด เป็นลักษณะของธรรมแต่ละหนึ่ง อย่างเสียงมีจริงๆ สิ่งที่มีจริงภาษาบาลีใช้คำว่า “ธรรม” เพราะฉะนั้นธรรมในภาษาบาลี ก็หมายความว่า เดี๋ยวนี้สิ่งใดที่มีจริง สิ่งนั้นเป็นธรรม นี่คือขั้นต้น เรียกว่า “บันไดก้าวแรกของการศึกษาธรรม” เพราะเหตุว่าขณะนี้ศึกษาธรรม โดยไม่รู้ว่า ธรรมคืออะไร จะมีประโยชน์ไหมคะ ศึกษาเรื่องราวมากมาย ตำรามากมาย แต่ไม่รู้ธรรมคืออะไร และไม่เข้าใจด้วยว่า เดี๋ยวนี้เป็นธรรมจริงๆ
เพราะฉะนั้นก่อนอื่นไม่ใช่เพียงให้จำ หรือว่าให้ตาม แต่ให้พิจารณาจนกระทั่งเข้าใจมั่นคงขึ้นจากการที่ไม่เข้าใจธรรม แต่ว่าพอได้ยินธรรม เดี๋ยวนี้สิ่งที่กำลังมีแต่ละหนึ่งๆ เป็นธรรม คิดมีจริง เป็นธรรม เห็นมีจริง เป็นธรรม โกรธมีจริง เป็นธรรม มีอะไรบ้างไหมคะที่ไม่ใช่ธรรม ที่มีจริงๆ อันนี้คือไม่ลืม แล้วการศึกษาธรรมเพื่อเข้าใจสิ่งที่มีจริง จนเป็นความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในสิ่งที่มีจริง
น่าเบื่อไหมคะ ไปศึกษาเรื่องอื่น ดูจะดีกว่า ศึกษาดนตรีก็มีเสียงเพราะๆ ศึกษาการวาดรูป ก็มีอะไรให้เห็นเพลิดเพลิน แต่ศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่มีจริง เบื่อไหมคะ ก็มี ดูธรรมดามาก แต่ว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไรที่จะรู้ความจริงที่กำลังมีเพราะเกิดแล้ว ส่วนใหญ่เราจะคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด ใช่ไหมคะ เดี๋ยวเราจะไปทำอะไร จะไปศึกษาวิชาอะไร แต่ว่าสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ไม่ศึกษา
เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรม คือ ไม่ใช่ศึกษาสิ่งที่ยังไม่เกิด แต่สิ่งใดก็ตามที่มีในขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ศึกษาให้เข้าใจ
เพราะฉะนั้นต้องเป็นผู้ตรงจริงๆ ว่า น่าศึกษาไหม ก่อนอื่นต้องรู้ว่า สิ่งที่มีในขณะนี้น่าศึกษาหรือเปล่า เพราะว่าเป็นความจริงชั่วขณะ เกิดมาเห็น เกิดมาได้ยิน บังคับได้ไหมว่าให้เห็น หรือให้ได้ยินตามใจชอบ แต่เกิดมาแล้ว และขณะที่กำลังเห็น จะมีอย่างอื่นด้วยหรือเปล่า
นี่คือความละเอียดของธรรมจริงๆ ไม่อย่างนั้นเราจะข้าม แล้วเราคิดว่า เราศึกษาธรรม แต่เราต้องเป็นผู้ตรงว่า ในขณะนี้ที่กำลังเห็น มีอะไรนอกจากเห็นหรือเปล่า ชั่วขณะที่เห็นปรากฏ แค่นี้เราก็อาจจะไม่คิดแล้ว เราอยากจะข้ามไปรู้เรื่องอื่น ใช่ไหมคะ แต่ว่าขณะนี้มีเห็นจริงๆ เห็นกำลังปรากฏ และขณะเห็นมีเสียงหรือเปล่า ไม่มีค่ะ แต่ว่ามีสิ่งที่เพียงปรากฏกับธาตุที่กำลังเห็นสิ่งนั้นซึ่งเป็นธรรม ที่ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
นี่คือการฟังธรรม เพื่อรู้จักธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ได้อยู่ในตำราเลย เดี๋ยวนี้มีเห็น เริ่มเข้าใจว่า ขณะที่กำลังสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ขณะนั้นไม่มีอย่างอื่น นี่คือการตั้งต้นที่จะรู้ว่าเป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ ขณะนั้นที่เสียงปรากฏ ขณะนั้นไม่มีสิ่งที่ปรากฏทางตาให้เห็น ขณะนั้นมีธาตุที่ได้ยินเสียงที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นขณะนั้นไม่มีเรา ไม่มีใครเลย มีแต่ธรรมที่เป็นธาตุที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย คือ เสียงกระทบกับหู เป็นปัจจัยให้จิตได้ยินเกิดขึ้นได้ยินเสียง เสียงก็ดับ ได้ยินก็ดับ มิฉะนั้นจะไม่ได้เข้าใจธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ว่า รู้สิ่งซึ่งกำลังเกิดดับในขณะนี้ได้ ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้ เพราะเวลานี้ไม่มีอะไรดับเลย มีแต่ปรากฏ แล้วก็คิดว่า เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้
ฉะนั้นกว่าจะเข้าใจธรรมจริงๆ ต้องเป็นผู้ตรง ที่จะรู้ว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งสภาพธรรม จึงสามารถที่จะดับกิเลสได้ และเรามีกิเลสมากไหม แล้วจะดับได้อย่างไร ไม่มีทางเลย ถ้าไม่ได้เข้าใจธรรมตรงตามความเป็นจริง
เพราะฉะนั้นประโยชน์ก็คือว่า แม้ศึกษาเพียงเริ่มต้น แต่ว่าศึกษาให้ตรง ศึกษาเพื่อรู้ และเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ แม้ว่ายากแสนยาก แต่เข้าใจได้ เพราะว่ามีผู้ที่ได้เข้าใจแล้ว และหมดกิเลสแล้ว
เพราะฉะนั้นเมื่อยุคสมัยผ่านมา จนถึง ณ ขณะนี้ก็ยังสามารถได้ยินได้ฟังเพื่อไตร่ตรอง และเพื่อเข้าใจขึ้นเพื่อรู้หนทางว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดำเนินไปด้วยหนทางนี้ที่จะทำให้ดับกิเลสได้