คำแรกและคำสุดท้ายที่ต้องศึกษา
ณ กาลครั้งหนึ่ง สมัยหนึ่ง ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่พระผู้มีพระภาคประทับ และทรงแสดงพระธรรม พุทธศาสนิกชนที่ได้ยินคำว่า “พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า” หรือว่าที่เคยกล่าวบ่อยๆ ว่า มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง มีพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง
“ที่พึ่ง” ที่นี่ ไม่ใช่ที่พึ่งจะให้มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย ซึ่งแต่ละชาติไม่มีใครสามารถจะรู้ได้ว่า จะมีการประสบพบเห็นสิ่งที่เป็นทุกข์เดือดร้อน หรือเป็นสุขโสมนัสสักแค่ไหน เพราะว่าทุกอย่างก็ผ่านไป เพราะฉะนั้นขณะนี้ทุกอย่างก็กำลังผ่านไปอยู่เรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรม โลกมืดสนิท ไม่รู้จักแม้แต่คำว่า “ธรรม” ไม่ได้ยินเหมือนอยู่ในความมืดสนิท ได้ยินคำ เสียงแว่วๆ ว่า “ธรรม” แต่ก็ไม่รู้จักธรรม
เพราะฉะนั้นการศึกษาพระธรรม ให้ทราบว่า พระปัญญาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี ๔ อสงไขยแสนกัป เพื่อที่จะได้ตรัสรู้ และทรงแสดงพระธรรม อนุเคราะห์สัตว์โลก ทุกคำ ไม่ใช่ว่าชาวโลกซึ่งอยู่ในความมืดสนิทสามารถจะเข้าใจได้ แต่ต้องเป็นผู้เงี่ยโสตลงสดับ และศึกษาคำนั้นให้เข้าใจจริงๆ จึงจะเข้าใจความหมายของคำว่า พระรัตนตรัย พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งให้เกิดปัญญา แสงสว่างที่ทำให้ออกจากความมืดสนิทได้ ตราบใดที่เพียงได้ยินคำว่า “ธรรม” แต่ไม่รู้จักธรรม ไม่เข้าใจธรรม ซึ่งเป็นคำแรก และจะเป็นคำสุดท้ายตราบเท่าถึงพระอรหันต์ เพราะว่าทุกขณะเป็นธรรม แต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นธรรม
เพราะฉะนั้นก็หมายความว่า อยู่ในความมืดสนิทมาแสนนาน และความลึกซึ้งของพระธรรมที่กำลังปรากฏทุกขณะ ไม่เคยขาดเลย ไม่มีใครสามารถรู้ความจริงได้เลย ทั้งๆ ที่ทุกอย่างขณะนี้ก็เกิดขึ้น จึงปรากฏแล้วก็หมดไป
เพราะฉะนั้นการศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพ ด้วยความไม่ประมาท ไม่เผิน ไม่คิดว่าเข้าใจแล้ว ก็จะทำให้ปัญญา ความเข้าใจ ความเห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้เพิ่มขึ้น จนกระทั่งสามารถมีความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
เพราะฉะนั้นขณะนี้ก่อนอื่นควรจะได้เข้าใจคำว่า “ธรรม” ถ้าไม่มีธรรม จะมีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้หรือ แต่แม้มีธรรม แต่ไม่มีปัญญาที่จะรู้ความจริงของธรรมที่กำลังปรากฏ ก็ไม่สามารถอาศัยพระผู้มีพระภาคเป็นที่พึ่ง