ตั้งต้นด้วยคำว่า “ธรรม” คืออะไร
สนทนาธรรมกับเด็ก
เพราะฉะนั้นขอตั้งต้นด้วยคำว่า “ธรรม” คืออะไร เมื่อกี้นี้ก็ตอบกันไปพอสมควร แต่จริงๆ แล้ว ธรรมคือทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงๆ เพราะฉะนั้นการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง ซึ่งยากแสนยาก แม้แต่เพียงจะคิดในขณะนี้ว่า อะไรมีจริง แค่นี้ค่ะคือการศึกษาธรรมต้องค่อยๆ เป็นปัญญาของเราเอง ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ พิจารณา แต่ถ้าเราตั้งต้นถูก เข้าใจถูกตั้งแต่ต้น ตลอดทั้ง ๓ ปิฎก เราจะมีความเข้าใจถูกต้อง โดยไม่สับสน
ถ้าเรารู้ว่า ธรรมหมายความถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง เราก็พิจารณาต่อไปอีกว่า สิ่งที่มีจริง ต้องมีลักษณะปรากฏให้เห็น ให้รู้ ไม่ว่าจะเป็นทางตาขณะนี้มีจริงๆ กำลังปรากฏ ปฏิเสธไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงทางตา ทางหู เสียงปรากฏ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง เสียงจริง สภาพที่ได้ยินจริง ทุกอย่างที่มีจริง ทรงตรัสรู้ และทรงแสดง
ความสุขของเราในวันหนึ่งๆ เกิดจากอะไรบ้างคะ ตาเห็นสิ่งที่พอใจ หูได้ยินเสียงที่พอใจ จมูกได้กลิ่นที่พอใจ ลิ้นลิ้มรสที่พอใจ กายกระทบสัมผัสกับสิ่งที่พอใจ ใจนึกคิดในเรื่องที่เป็นสุข
นี่ค่ะวันหนึ่งๆ เราแค่นี้เอง แต่ทรงตรัสรู้ว่า ตลอดชีวิต ไม่ว่าทุกภพชาติก็จะมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แหล่งที่เกิดของสุข และทุกข์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เพราะฉะนั้นทุกอย่างเป็นธรรม คือ สิ่งที่มีจริง และสิ่งที่มีจริงที่เป็นธรรมไม่มีใครเป็นเจ้าของเลย
นี่ค่อยๆ เข้าใจความหมายของคำว่า “อนัตตา” ซึ่งหมายความว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา บังคับบัญชาไม่ได้ ซึ่งเป็นคำสอนที่สามารถพิสูจน์ได้ อย่างเสียง คนที่หูหนวกไม่ได้ยิน แต่คนที่มีโสตปสาทจึงได้ยินเมื่อเสียงกระทบ ถ้าเสียงไม่กระทบหู จิตได้ยินไม่เกิด เสียงก็ไม่ปรากฏ
นี่แสดงความเป็นอนัตตาแล้วว่า ไม่มีใครบังคับอะไรได้เลยสักอย่างเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ขณะเกิดจนกระทั่งขณะตายเป็นสภาพธรรมทั้งหมด และเป็นอนัตตา คือไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น
ขณะเกิดมีใครรู้ไหมคะว่า จะเกิดในโลกนี้ เป็นคนนี้ มีญาติพี่น้องอย่างนี้ มีวงศาคณาญาติ มีทรัพย์สินเงินทอง มีเพื่อนฝูง มีการสูญเสียลาภ ยศ สรรเสริญ สุขอย่างไร ไม่มีใครสามารถรู้ได้เลย และขณะนี้วันนี้กำลังเป็นอย่างนี้ พรุ่งนี้ไม่มีใครรู้เลย อะไรจะเกิดขึ้น
นี่คือความหมายของอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาทั้งสิ้น ขณะนี้กำลังเห็น เป็นธรรม เพราะเป็นสิ่งที่มีจริง แต่ยังไม่รู้ความจริงของเห็น ถูกไหมคะ เห็นมี แต่เคยเป็นเราเห็น แต่ต่อไปจะรู้ว่า เห็นไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นเมื่อเห็นไม่ใช่เรา เห็นเป็นอะไร ตอนนี้เราตอบตามที่เราฟังเมื่อกี้นี้นะคะ ง่ายๆ ว่า เห็นเป็นธรรม ถูกไหมคะ เห็นเป็นธรรมไหมคะ
ถ้าธรรมหมายความถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง คำนี้ตายตัวไม่เปลี่ยนเลย เวลาที่ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงธรรม ในพระไตรปิฎกจะใช้คำว่า พระธรรมที่ทรงแสดงเป็น ๑ ไม่เป็น ๒ หมายความว่า เมื่อทรงแสดงว่าเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ไม่เปลี่ยน จะไม่เปลี่ยนว่า ธรรมเป็นอัตตา เป็นของเรา หรือว่าบังคับบัญชาได้ จะไม่มีในพระไตรปิฎก แต่ว่าทุกอย่างที่เป็นธรรม ก็เป็นธรรมจริงๆ ใช้คำว่า “ธรรม”
ทางโลกมีคำว่า “ธาตุ” ทุกคนเคยได้ยินใช่ไหมคะ พอบอกว่าเป็นธาตุ อย่างธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม เป็นของใครหรือเปล่า หรือว่าเป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ มีลักษณะเฉพาะของสภาพธรรมนั้นๆ
เพราะฉะนั้นคำว่า “ธรรม” ก็มาจากคำว่า “ธาตุ” หมายความถึงเป็นสิ่งที่มีจริง ชั่วขณะที่ปรากฏ ชั่วขณะที่ปรากฏจริงๆ ขณะนี้เสียงกำลังปรากฏ จริงเมื่อไรคะ จริงเฉพาะเมื่อกำลังปรากฏ หมดแล้ว ไม่มีอีกแล้ว จะไปหาที่ไหนอีกไม่ได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีจริง จริงเฉพาะที่กำลังปรากฏ ถ้าศึกษาธรรมต่อไป จะเห็นว่า จะขยายทุกคำที่ทรงแสดงไว้ละเอียดขึ้นๆ แล้วก็เป็นชีวิตประจำวันจริงๆ ซึ่งสามารถเข้าใจได้ว่า ตัวของเราซึ่งเคยยึดถือว่าเป็นเรา เป็นตัวตน เป็นโลกที่กว้างใหญ่ แท้ที่จริงก็เป็นธรรมแต่ละอย่าง แต่ละชนิด