ถ้าเข้าใจจะรู้ว่า...ธรรมมีอยู่ตลอด
ท่านอาจารย์ อย่างขณะนี้เป็นธรรมเพราะอะไรคะ มีจริงๆ โดยไม่ต้องเรียกชื่อ ปรมัตถธรรมหมายความถึงสิ่งที่มีจริงแม้ไม่เรียกชื่อ มีสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ต้องเรียกไหมคะ ถ้ามีปรากฏแล้ว เสียงปรากฏทางหู ต้องเรียกไหม แต่เสียงมี ปรากฏแล้วก็หมดไปแล้ว
เพราะฉะนั้นปรมัตถธรรม หมายความว่าสภาพธรรมที่มีจริงๆ แม้ไม่เรียกอะไรเลย แล้วสาธารณะทั่วไป ไม่จำกัดเฉพาะในพระพุทธศาสนา เพราะว่าพุทธะ คือ ผู้ตื่น ผู้รู้ความจริงของสภาพธรรม เพราะฉะนั้นไม่ใช่เฉพาะชาวพุทธ แต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดในโลก นอกโลกทั้งหมดที่มีจริงๆ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ อย่างแข็ง เฉพาะคนไทยเท่านั้นหรือที่รู้แข็ง เฉพาะเราใช้คำพูดภาษาไทยเท่านั้นหรือถึงจะรู้แข็ง แต่ไม่ใช่เลย จะใช้ภาษาอะไรก็ได้ อังกฤษ จีน ไทยอะไรก็ได้หมด จะเรียกแข็งว่าอะไรก็ได้ แต่เปลี่ยนลักษณะของแข็งไม่ได้
นี่คือความหมายของธรรม ปรมัตถธรรม อภิธรรม
จิตมี ไม่ต้องเรียกจิตก็ได้ ไม่ต้องใช้ภาษาอะไรก็ได้ แต่เปลี่ยนลักษณะของจิตไม่ได้
นี่คือปรมัตถธรรม ผ่านมาแล้ว ๒,๕๐๐ กว่าปี แต่ยังมีโอกาสได้ฟังเรื่องรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ ปรมัตถธรรม เหมือนผู้ที่ไปเฝ้าที่พระวิหารเชตวัน ทรงแสดงธรรมอย่างไรที่พระวิหารต่างๆ ในอดีต สิ่งเหล่านั้นจารึกเป็นคำสอนที่สามารถให้เราอ่านได้ และรู้ถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นเมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปี ย้อนไป และข้างหน้าอีก ๒,๕๐๐ กว่าปี เราจะอยู่ที่ไหน ไม่ทราบใช่ไหมคะ แต่ ๒,๕๐๐ กว่าปี เราต้องอยู่ ต้องมีโอกาสได้ฟังธรรม ไม่อย่างนั้นจะไม่มีเหตุปัจจัยที่จะทำให้ได้ยินเสียงพระธรรม หรือเสียงที่ทำให้เราสามารถเข้าใจธรรมได้ เพราะว่าถ้าเป็นเสียงรถ คนไหนก็ได้ยิน เสียงนกเสียงกา คำพูดอะไรก็ได้ยิน แต่เสียงที่จะทำให้รู้ว่า มีปรมัตถธรรมจากการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเป็นผู้ที่เคยสะสมบุญในอดีต แต่ว่าอย่าเพิ่งพอใจ เพราะว่าเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับการเข้าใจธรรมให้ลึกซึ้งขึ้นจนกระทั่งประจักษ์ความเป็นอนัตตา ไม่ใช่เราอีกต่อไป เป็นแต่เพียงธรรมแต่ละอย่าง ซึ่งมีปัจจัยเกิดแล้วก็ดับ
นี่คือผู้ที่เป็นสาวกค่ะ คือ ผู้ฟังพระธรรม เป็นพหูสูตร คือ ผู้ต้องฟังบ่อยๆ ทุกคนที่จะมีปัญญา ต้องเป็นพหูสูตร ฟังมาก แม้แต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเองในวิชชาจรณะ ที่เราสรรเสริญพระคุณ วิชชาจรณสัมปันโน จรณะหนึ่งของพระองค์ คือ พหูสูตร ต้องเป็นผู้ที่ฟังมากจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ แล้วจะไม่ฟังต่อไปหรือคะ
ผู้ฟัง ก็ฟังเรื่อยทั้งชีวิตนี้ก็ฟังเรื่องเกี่ยวกับธรรม แต่ว่าไม่ใช่เป็นแต่เฉพาะบุคคล หรือเป็นเฉพาะของตัวเองก็ไม่ทราบ คือ ฟังแล้วเข้าใจพระธรรม แต่พอออกจากวัดแล้ว หรือออกจากสถานที่นั้นแล้วจะลืม
ท่านอาจารย์ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ใส่ใจ สนใจ วันนี้อยู่ตรงไหนก็รู้ว่า เป็นธรรมทั้งหมด มีคนหนึ่งเขาก็ไปแสวงหาธรรม เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก แต่พอเข้าใจธรรม เพียงแค่ลืมตา ก็รู้ว่าเป็นธรรม จะไม่มีวันพ้นจากธรรมเลย ทุกอย่างที่มีจริงๆ ที่ปรากฏเป็นธรรมทั้งนั้น ถ้าจะให้เข้าใจละเอียด ก็ฟังบ่อยๆ หรืออ่านหนังสือ ต่อไปก็อาจจะเข้าใจพระไตรปิฎกด้วยตัวเอง