เพราะมโนทวารไม่ปรากฎ ๑


    ผู้ฟัง ในหนังสือ “ปรมัตถธรรมสังเขป” ที่คุณแม่เขียนไว้ว่า มโนทวารวิถีปิดบังปัญจทวารวิถี

    ท่านอาจารย์ มโนทวารวิถีไม่ปรากฏทำให้เราไม่รู้ว่า ขณะนี้มีมโนทวารวิถี เพราะว่าปัญจทวารวิถีปรากฏสืบต่อ แต่เวลาที่เราบอกว่า เราไม่เคยรู้จักรูปารมณ์เลย ไม่เคยเห็นรูปารมณ์เลย บางคนบอกว่าไม่เคยเห็นรูปารมณ์เลย เห็นแต่คุณบุตรสวงษ์ เห็นแต่โต๊ะ เห็นแต่เก้าอี้ เหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าความจริงแล้วสิ่งที่ปรากฏทางตาเกิดแล้วดับเร็วมาก แต่ทางใจสืบต่อไว้ จนกระทั่งแม้สิ่งที่ปรากฏก็ไม่รู้ความจริงว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วดับ

    เพราะฉะนั้นก็ต้องเข้าใจว่า มโนทวารไม่ปรากฏ เวลานี้ตามความเป็นจริงมีสิ่งที่ปรากฏทางตา มีเสียงที่ปรากฏทางหู คิดจริงค่ะ แต่ขณะนี้ยังมีรูปารมณ์ปรากฏ แล้วก็มีเสียงด้วย

    เพราะฉะนั้นมโนทวารวิถีจริงๆ ไม่ได้ปรากฏ เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่ถูกปิดบัง แต่เวลาที่ปัญญารู้แจ้งชัดในลักษณะของสภาพธรรมทางมโนทวารวิถี มโนทวารวิถีเหมือนปิดบังปัญจทวารวิถี

    เพราะฉะนั้นคุณบุตรสวงษ์ต้องเข้าใจ ๒ ตอน คือ กำลังพูดถึงเรื่องสภาพธรรมที่ปิดบังว่า ระหว่างปัญจทวารวิถีกับมโนทวารวิถี อะไรปิดบังอะไร ตอนไหน

    ขณะนี้ทุกคนเห็นแล้วก็คิดนึก นี่เป็นของธรรมดา ได้ยินแล้วก็คิดนึกเป็นของธรรมดา แต่มโนทวารวิถีที่คิดนึกไม่ได้ปรากฏเหมือนทางตาที่กำลังเห็น ขณะนี้มีสีที่กำลังปรากฏ เสียงก็ปรากฏ แต่ตัวมโนทวารที่คิดนึกไม่ได้ปรากฏเลย ทั้งๆ ที่เราศึกษา เรารู้ว่า มโนทวารวิถีมีแน่นอน แล้วหลังจากเห็น วาระจิตทางจักขุทวารวิถีจิตดับ ภวังค์คั่น มโนทวารวิถีจิตต้องเกิด แล้วไม่ใช่วาระเดียว เกิดแล้วมีสีที่ปรากฏทางตาเป็นอารมณ์ ดับไปวาระหนึ่ง ภวังค์คั่น แล้วก็มีมโนทวารวิถีจิตวาระต่อมาเกิดอีก เราถึงสามารถรู้ได้ว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นอะไรด้วยความจำ

    นี่แสดงให้เห็นว่า มโนทวารวิถีเกิดมากมายหลายวาระ แต่ไม่ปรากฏเลยว่ามโนทวารวิถีเป็นอย่างไร ถ้าถามเวลานี้ว่า มโนทวารวิถีเป็นอย่างไร ไม่รู้ เห็น มโนทวารวิถีอยู่ที่ไหน ถ้าศึกษาแล้วจะตอบได้ว่า มโนทวารวิถีมี โดยมโนทวาราวัชชนจิตเกิดก่อน แล้วหลังจากนั้นวาระแรกก็จะมีสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นอารมณ์สืบต่อ หรือถ้าเป็นทางหู ก็มีเสียงที่เป็นปรมัตถอารมณ์ต่อ

    นี่โดยการศึกษา เราจึงได้รู้ว่า มีมโนทวารวิถีคั่นทุกๆ วิถีไป แทรกอยู่ระหว่างทางตา ทางหู

    นี่คือชีวิตปกติประจำวัน แต่เวลาที่อบรมเจริญปัญญามากๆ จนกระทั่งสภาพธรรมปรากฏตามความเป็นจริงทางมโนทวาร ที่จะใช้คำว่า “สภาพธรรมปรากฏตามความเป็นจริง” ได้ต้องทางมโนทวาร เพราะเหตุว่าขณะนี้มีมโนทวารคั่นก็ไม่ปรากฏ จะเรียกว่า ตามความเป็นจริงได้อย่างไร ใช่ไหมคะ แต่ถ้าตามความเป็นจริงแล้ว สภาพธรรมที่ปรากฏก็คือว่า ปัญญาสามารถรู้ความต่างกันของนามธรรมซึ่งจะรู้ได้ทางมโนทวารเท่านั้น ในลักษณะที่กำลังเป็นนามธรรม ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสัณฐานใดๆ ทั้งสิ้น และเวลาที่รูปธรรมปรากฏทางมโนทวาร มโนทวารก็สามารถจะรู้รูปนั้น โดยรูปนั้นไม่ปรากฏเหมือนการสืบต่ออย่างที่เคยปิดบังมโนทวารไว้

    เพราะฉะนั้นลักษณะของวิปัสสนาญาณ ความรู้ชัดทางมโนทวารปิดบังเหมือนปิดบังปัญจทวาร เพราะปัญจทวารจะปรากฏเพียงสั้นๆ และเล็กมาก ไม่เหมือนอย่างนี้ เพราะฉะนั้นรูปก็ปรากฏเพียงนิดเดียว แล้วมโนทวารทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปอะไรทั้งหมด จะไม่มีการปรากฏสืบต่ออย่างชนิดซึ่งติดกันแน่น แต่จะเป็นแต่ละลักษณะ

    เพราะฉะนั้นก็ต้องเข้าใจว่า ปกติธรรมดามโนทวารไม่ปรากฏ แต่เวลาที่เป็นวิปัสสนาญาณ มโนทวารเหมือนปิดบังปัญจทวาร เพราะเหตุว่าจะไม่มีการรู้เลยว่า อันนั้นคือวิถีจิตซึ่งเคยมีเป็นปกติทางปัญจทวาร เพราะว่าถ้าเป็นรูปจะปรากฏสั้นมาก นั่นคือลักษณะของรูปจริงๆ


    หมายเลข 8643
    23 ส.ค. 2567