ความดีที่สมบูรณ์แบบ
อ.อรรณพ ความดีมีหลายระดับมีทั้งดีเพราะสะสมมากับดีเพราะเข้าใจธรรมซึ่งต่างกันอย่างไร และความดีแบบไหนที่ดีเข้าไปถึงในใจ และนำไปสู่ความดีที่สมบูรณ์จริงๆ ได้ ความดีที่สมบูรณ์แบบ
ท่านอาจารย์ หนทางในพระพุทธศาสนาคือละตลอด ละอกุศล ละกิเลส แต่กิเลสละยาก ต้อง ด้วยปัญญาจริงๆ เขาก็ไม่รู้ว่า ต้องด้วยปัญญาเท่านั้นที่จะละ เขาก็มีความเป็นตัวตนที่จะ ฟังแล้วยังคงจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะระดับของความเข้าใจมาสู่ขั้นผิว ขั้นผิว คือ ฟังแล้วเข้าใจแล้ว แล้วก็ดีแล้ว ก็เลยไปยึดส่วนที่ดีว่า ได้ส่วนที่ดีจากธรรม แต่ลืมว่า ขณะที่ฟัง แต่ก่อนที่เคยไม่รู้ ละความไม่รู้เลยว่า นี่คือธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน และใน ขณะที่เราคิดว่า เราได้ประโยชน์ เพราะเราสามารถระลึกได้ว่า ไม่ควรเป็นอย่างนั้นอย่าง นี้ แต่เราก็ลืมว่า ขณะนั้นเพราะปัญญาเข้าใจ
นี่คือมันซ่อนกันอยู่ เพราะคนส่วนใหญ่เขาจะดูคนภายนอก เหมือนกับว่าคนนี้ดี ฟังธรรม แล้วช่วยการกุศล และอะไรอีกหลายอย่าง ภายนอกเหมือนดี แต่เขาไม่รู้ว่าดี จริงๆ นั้นไม่ใช่เหมือนคนที่เพียงทำแล้วไม่รู้ธรรม
เพราะฉะนั้นดีจริง คือ ผู้นั้นดีของเขามาจากความเข้าใจธรรม นี่มันมี ๒ อย่าง เขาสะสมมา อัธยาศัยเขาชอบช่วยเหลือใคร เป็นคนเมตตา เขาก็ทำ วาจาเขาดี เขาพูด ร้ายกับใครไม่เป็น นั่นเขาก็สะสมมา เขาก็คิดทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ เขาอบรมมา ชาติ ก่อนหรือชาตินี้ เขาก็อบรมศีลธรรมไป แต่ไม่ได้มาจากความเข้าใจธรรม
นี่เป็นจุดที่คนมองไม่ถึง เพราะฉะนั้นคนที่เข้าใจละเอียด ก็สามารถจะอ่านได้ คนนี้ดี แต่ไม่เข้าใจธรรม เราไม่ได้ว่าเขาไม่ดี เขาดี แต่เขาไม่เข้าใจธรรม ส่วนอีกคน หนึ่ง เข้าใจธรรมแล้วดี เราก็รู้ว่า ที่เขาดี เพราะเข้าใจธรรมด้วย แต่ก็ต้องแยกกันว่า การ สะสมของเขาเป็นอย่างหนึ่ง อย่างบางคนสะสมมามากแล้วก็ฟังธรรม ความเข้าใจยังไม่ มากพอ สิ่งที่เขาสะสมมาก็ต้องโผล่ออกมามากกว่า คนก็เลยตัดสินว่า คนนี้ไม่ดีอย่าง นั้นไม่ดีอย่างนี้ แต่ลืมว่า เพราะเขาเข้าใจธรรม แล้วเขาก็กำลังเริ่มขัดเกลาเพราะปัญญา ตัวปัญญาจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นถ้ามีความเข้าใจขึ้น เราก็จะเห็นเขาเปลี่ยนมากกว่าที่เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นก็มี ๒ ระดับ ระดับหนึ่ง คือคนคิดว่า เรียนธรรมแล้วได้อะไร อยากจะได้ เพราะเคยสนใจเรื่องโลภะ ได้เงินได้ทองก็ไม่ใช่ ได้ชื่อได้เสียง ก็เอาไปทำอะไร ใช่ไหม คะ แต่จริงๆ แล้ว ความเป็นคนตรงคือเรียนเพื่อรู้ เพื่อเข้าใจธรรมให้ถูกต้อง แล้วไม่ต้อง เป็นห่วง ปัญญาเป็นสิ่งประเสริฐสุด นำแต่สิ่งที่ดีมาให้ เพราะมาจากใจ และเข้าไปถึงใน ใจ แต่ดีอื่นไม่ถึงใจ และไม่ได้เข้าใจธรรมด้วย
เพราะฉะนั้นค่าสูงสุดคือปัญญา และเราจะรู้เลยว่า ไม่ต้องไปพยายามฝืน เพราะขณะนั้นความมีตัวตนของเรายังมีเยอะมาก เพราะฉะนั้นประโยชน์ของเราคือนำ ธรรมมาพิจารณาด้วยความเป็นเรา แต่ต่อไปเราจะรู้เลยว่า เราไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะ ปัญญาเขาทำหน้าที่ของเขา
นี่มันค่อยๆ คลายไปทีละเล็กทีละน้อย แล้วเราจะเข้าใจคนเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าไม่ฟัง ธรรมเลย ต่อให้เขาเป็นคนดี ใครก็ชม เราก็ชม แต่เขาก็ไม่เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้นความ ดีขึ้นของเขาจะมาจากไหน แต่ถ้าเขาเข้าใจธรรมด้วย ทุกอย่างจะสมบูรณ์ หมายความว่า รู้เลยว่า คนนั้นได้เข้าใจธรรม และดีขึ้นเพราะธรรมตามกำลัง แต่การเข้าใจธรรมจะยาก ตรงที่ว่าละเอียดเหมือนจับด้ามมีด เราไม่รู้เลยว่า ค่อยๆ สึก ชั่วขณะที่เราฟังธรรม กุศล จิตเกิดแล้ว และเมื่อประกอบด้วยปัญญา ปัญญาก็เกิดแล้ว แต่อกุศลที่มันมากมาย มหาศาล อะไรจะเกิดมากกว่ากัน อกุศลเขาก็เกิดเป็นประจำ ทำงานไป อะไรไป แต่ใน ขณะเดียวกัน เพราะเขาเคยฟัง เคยเห็นประโยชน์ เขาก็ไม่ทิ้งเลย เพราะฉะนั้นเขาจะได้ ทั้ง ๒ อย่าง