นัยของโยนิโสมนสิการ
ผู้ฟัง มีท่านผู้ฟังถามว่า ความหมายที่แท้จริงของโยนิโสมนสิการเป็นอย่างไรครับ
อ.สมพร โยนิโสมนสิการ ก่อนที่กุศลจะเกิด เขาเรียกว่า มีโยนิโสมนสิการ บางครั้งท่านก็เรียกจิตดวงนั้นว่าเป็นชวนปฏิปาทกมนสิการ ชวนะนั้นเกิดกับกุศลบ้าง อกุศลบ้าง กิริยาบ้าง แต่สำหรับโยนิโสมนสิการ เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้กุศลเกิด ตรงกันข้ามกับอโยนิโสมนสิการ เพราะว่าจะเป็นปัญจทวารหรือมโนทวารก็ตาม ถ้ากุศลจะเกิดก็ต้องมีโยนิโสมนสิการ กระทำไว้ในใจโดยแยบคาย เราว่าภาษาไทยมันยาว คำว่า “กระทำไว้ในใจโดยแยบคาย” ถ้าวิถีจิตมันเร็ว เราก็ไม่รู้จะเปรียบเทียบอย่างไรได้ ที่เราพูดภาษาไทยนี่ เสมือนหนึ่งว่ามันช้า แต่ความจริงจิตมันแล่นเร็ว เป็นเบื้องต้นของกุศล คือ โยนิโสมนสิการ คือ ชวนปฏิปาทมนสิการ มนสิการที่ให้สำเร็จเป็นชวนะ เป็นกุศลเกิดขึ้น แล้วอีกอย่างเรียก มโนทวาราวัชชนะ หรือโวฏฐัพพนะ ก็เป็นทำนองเดียวกัน
ท่านอาจารย์ ถ้าจะหมายความถึง โยนิโสมนสิการที่เป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิด หมายความถึงในขณะจิตดวงเดียวกัน เพราะว่าขณะที่เป็นกุศล ต้องเป็นโยนิโสมนสิการ ถ้าเป็นอกุศล ก็ต้องเป็นอโยนิโสมนสิการ แต่สำหรับกิริยาจิตที่เป็นอเหตุกจิต เป็นกุศลไม่ได้ เป็นอกุศลไม่ได้
เพราะฉะนั้นเป็นแต่เพียงขณะที่กระทำทาง โดยการสะสมมา ไม่ใช่ตัวเขามีอำนาจทำให้กุศลจิต อกุศลจิตเกิด แต่ว่าเป็นกิจของจิต เพราะว่าจิตจะต้องทำกิจตั้งแต่ปฏิสนธิมาจนกระทั่งเป็นภวังค์ จนกระทั่งอารมณ์กระทบ ก็จะต้องมีวิถีปฏิปาทกมนสิการ อีกชื่อหนึ่งก็คือ ปัญจทวาราวัชชนะ เพราะเหตุว่าเป็นจิตที่เป็นวิถีดวงแรกที่จะทำให้วิถีหลังๆ เกิดได้ ถ้าจิตดวงนี้ไม่เกิด วิถีจิตจะเกิดไม่ได้เลย ก็ต้องเป็นภวังค์ไปเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นสำหรับปัญจทวาราวัชชนะเป็นอเหตุกจิต เป็นชาติกิริยา ซึ่งไม่ใช่กุศล และไม่ใช่อกุศล พอถึงจักขุวิญญาณเห็นแล้ว สัมปฏิจฉันนจิตรับแล้ว สันตีรณจิตเกิดต่อแล้ว พอถึงโวฏฐัพพนะเป็นกิจที่ว่าจิตนี้จะต้องกระทำก่อนที่ชวนวิถีจิตจะเกิดได้
เพราะฉะนั้นเป็นเพียงการกระทำกิจโวฏฐัพพนะ แม้ตัวเขาจะเป็นมโนทวาราวัชชนะ แต่พอถึงปัญจทวาร เขาก็ทำกิจนี้ เพราะว่าถ้าไม่มีจิตนี้ ชวนจิตเกิดไม่ได้
เพราะฉะนั้นก็เป็นเพียงอเหตุกกิริยา ซึ่งไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล ซึ่งกระทำกิจตามการสะสม แล้วหลังจากนั้นก็จะเป็นแล้วแต่ว่า อกุศลจะเกิดหรือกุศลจะเกิด ถ้าจะเอาความหมายจริงๆ แล้ว น่าจะเป็นกุศลจิตที่เป็นโยนิโสมนสิการ และอกุศลจิตที่เป็นอโยนิโสมนสิการ ได้