เป็นโลภะที่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วยหรือไม่


    ท่านอาจารย์ ความเห็นผิดมีจริง แต่ว่าเป็นเรื่องที่ละเอียด ที่เราจะต้องพิจารณาถึงความต่างของโลภมูลจิตที่มีทิฏฐิคือความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย กับโลภมูลจิตที่ไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย เป็นแต่ละขณะจิตด้วย

    ผู้ฟัง สรุปก็คือต้องแต่ละขณะจิต เพราะเขาจะปนกัน แม้เราทุกคนที่ไม่ได้เรียน ใจเขาอาจจะบริสุทธิ์ที่จะเป็นกุศลขณะจิตหนึ่ง แต่ขณะจิตหนึ่งเขารู้ว่าถือศีลแล้วเป็นนางฟ้า ขณะจิตตรงนั้นก็เห็นผิดแล้วด้วยความเป็นตัวตน

    ท่านอาจารย์ ถือศีลแล้วเป็นนางฟ้า ผิดหรือไม่

    ผู้ฟัง คืออานิสงส์ที่ท่านแสดงเป็นอย่างนั้น แต่ทีนี้พอเราไปรู้อย่างนั้น ความเป็นตัวตนคือความเห็นผิดก็จะมาก่อน

    ท่านอาจารย์ มาว่าอย่างไร

    ผู้ฟัง มาว่า เราอยากเป็นนางฟ้า คือ โลภะ

    ท่านอาจารย์ เราอยาก เราเสมอ แต่ในขณะนั้นมีทิฏฐิเจตสิกเกิดร่วมด้วยหรือไม่ นี่คือสิ่งที่สำคัญ

    ผู้ฟัง อาจารย์ช่วยกรุณาอธิบาย

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นก่อนอื่นที่จะถึงสักกายทิฏฐิ ลองพิจารณาว่าวันหนึ่งๆ ยังไม่ต้องกล่าวถึงสักกายทิฏฐิ แต่จะมีความเห็นผิดอะไรบ้างหรือไม่ ในทางไหนบ้าง เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะได้รู้จริงๆ ว่า มีความเห็นผิดจากความเป็นจริง แต่เกิดกับจิตเมื่อไหร่ ขณะไหน เช่นอะไรบ้างในชีวิตประจำวัน

    อ.กุลวิไล สำหรับโลภมูลจิตในชีวิตประจำวันแล้ว ถ้าเรามีความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะแน่นอน ขณะนั้นเป็นโลภะที่ไม่ได้ประกอบด้วยความเห็นผิด แต่ถ้าเป็นความคิดเห็นที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แม้แต่คิดว่าการบริโภคกามไม่มีโทษ อย่างนี้ก็ผิดจากความเป็นจริง เพราะความเป็นจริงแล้วการที่เราบริโภคหรือว่าติดข้องในกามเป็นโทษแน่นอน เช่นนี้ก็เป็นความเห็นผิดอย่างหนึ่ง ซึ่งคงจะไม่ต้องพูดถึงความเห็นผิดอื่นๆ ที่เป็นทาง พระธรรมที่ทรงแสดงลุ่มลึกถึงสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เพราะเราก็ยังยึดถือว่ามีสัตว์ บุคคล ตัวตน แต่ถ้าเรายังมีความเห็นคลาดเคลื่อนอยู่ว่ามีคน มีโต๊ะ มีสัตว์ สิ่งของ ขณะที่มีความคิดเช่นนั้น ขณะนั้นมีความเห็นผิด แต่ถ้าเรายังมีความติดในรูป เสียง กลิ่น รส ขณะนั้นเป็นโลภะที่ไม่ได้ประกอบด้วยความเห็นผิด

    หมายเหตุ เสียงซ้ำ ๒ รอบ

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 118


    หมายเลข 8755
    27 ม.ค. 2567