สติสัมปชัญญะระลึกว่าเป็นธรรม


    เพราะฉะนั้น การที่จะไปรู้ความจริงของสภาพธรรมแต่ละอย่างได้จริงๆ ที่ละเอียดขึ้นๆ ก็ต้องในขณะที่สภาพธรรมเกิดแล้วสติสัมปชัญญะกำลังรู้ลักษณะหนึ่งลักษณะใด ก็จะรู้เฉพาะลักษณะนั้นด้วย เช่น ในจิตขณะหนึ่งจะมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยหลายประเภท ถ้าสติไม่ระลึกลักษณะของเจตสิกอื่นๆ เลย เจตสิกอื่นๆ ก็ไม่ปรากฏ แต่เฉพาะเจตสิกที่สติสัมปชัญญะกำลังระลึกเท่านั้นที่สามารถจะเข้าใจถูกในลักษณะนั้นได้ เพราะว่าจิตทุกขณะมีเวทนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย ถ้าจะระลึกลักษณะของความรู้สึกว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ขณะนั้นลักษณะจะเป็นกุศลหรืออกุศลที่เกิดร่วมกับเวทนานั้นก็ไม่ได้ปรากฏเลย เพราะฉะนั้นจะไปกล่าวว่ารู้ว่าขณะนั้นเป็นกุศล ขณะนั้นเป็นอกุศล หรือว่าขณะนั้นมีทิฏฐิเจตสิกเกิดร่วมด้วย ไม่มีทิฏฐิเจตสิกเกิดร่วมด้วยก็เป็นการที่กล่าวโดยรวมจากการศึกษา แต่ถ้าจะรู้จริงๆ ธรรมนั้นไม่ได้อยู่เฉพาะในความมืด แต่ก็ยังปรากฏลักษณะว่าในความมืดนั้นมีสภาพธรรมอะไรที่เป็นจริงอย่างนั้น โดยสติสัมปชัญญะระลึกลักษณะของสภาพธรรมใด ก็จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้น แล้วก็สะสมความเข้าใจว่าเป็นสภาพธรรมแต่ละลักษณะ

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 118


    หมายเลข 8763
    27 ม.ค. 2567