ขณะชอบสิ่งใด ขณะนั้นไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วม
ผู้ฟัง ถ้าหากว่าในส่วนตรงนี้ก็ต้องค่อยๆ สังเกตตามความเป็นจริงว่ามีสภาพความเห็นผิดเกิดขึ้น หรือไม่เห็นผิดเกิดขึ้นร่วมด้วย ก็โดยส่วนตัวดูเหมือนเห็นผิดจะเกิดขึ้นมาก
ท่านอาจารย์ จะมากตอนไหน ตอนกำลังชอบ เห็นผิดมีปรากฏหรือไม่ กำลังชอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเห็นอย่างเมื่อสักครู่หรือไม่
ผู้ฟัง อย่างขณะนี้ฟังธรรมอยู่ก็ไม่เห็นผิด
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นเวลาที่ไม่ได้ฟังแล้วเกิดชอบสิ่งหนึ่งสิ่งใด ขณะนั้นมีความเห็นผิดปรากฏให้รู้ว่าเป็นความเห็นผิดเกิดขึ้นหรือไม่
ผู้ฟัง ถ้าหากจากเดิมๆ ที่พอจำได้ก็มีสลับด้วยว่าเป็นเราเห็น เราชอบ
ท่านอาจารย์ ถ้าไม่ได้ฟังธรรมเลยแล้วก็ชอบเกิดขึ้น ถ้าไม่มีใครถามเรื่องว่าเป็นเราหรือไม่ จะคิดไหมว่าเรากำลังชอบสิ่งนั้น หรือว่าไม่ได้คิด มีแต่เป็นลักษณะของความพอใจติดข้องในสิ่งนั้น ที่กำลังพอใจในสิ่งนั้น
ผู้ฟัง ก็แค่ว่าชอบ
ท่านอาจารย์ ก็แค่ว่าชอบ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นโลภมูลจิตที่ไม่มีสักกายทิฏฐิหรือทิฏฐิเจตสิกเกิดร่วมด้วย
ที่มา ...