ปัญญาสามารถรู้ได้ว่าขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศล
ผู้ฟัง ตามที่อาจารย์ยกตัวอย่าง ได้ยินเสียงนกขณะที่ฟังธรรม ขณะที่เราฟังธรรม เราไม่ได้ใส่ในในเสียงนก แต่เราได้ยิน
ท่านอาจารย์ แล้วเข้าใจในเสียงที่ได้ยินไหม
ผู้ฟัง เข้าใจ
ท่านอาจารย์ คนละขณะกับกำลังได้ยินเสียง ขณะที่เสียงยังไม่ดับ ธรรมดาจะต้องมีกุศลจิตหรืออกุศลจิตในเสียงที่กำลังปรากฏด้วย ไม่ใช่มีแต่เฉพาะจิตได้ยิน ชั่วขณะเสียงที่ปรากฏสั้นแสนสั้นมาก ขณะนั้นจิตเกิดดับหลายขณะ และขณะหนึ่งเป็นจิตได้ยิน เสียงยังไม่ดับเลย หลังจากที่จิตได้ยิน ดับไปแล้วเสียงก็ยังไม่ดับ ฉะนั้นก็ถึงกาละที่จะเกิดกุศล และอกุศลในเสียงที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นขณะนั้นจะกล่าวว่ามีแต่เสียงเฉยๆ แล้วก็ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ หรือกุศลใดๆ เลยในเสียงที่กำลังปรากฏไม่ได้ แต่กล่าวเพราะไม่รู้ ใครจะรู้เพราะเร็วแสนเร็ว เพียงแค่ปรากฏแล้วเหมือนกับว่าผ่านไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นทุกอย่างจึงเหมือนกับอยู่ในความมืด เกิดแล้วดับแล้วไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ความจริงว่าขณะนั้นเป็นจิต ต้องมีจิตที่ไม่ใช่เฉพาะจิตได้ยินเท่านั้น จิตอื่นก็เกิดสืบต่อจากจิตได้ยินด้วย และขณะนั้นจะเป็นกุศลหรืออกุศล ถ้าเป็นอกุศลไม่สามารถที่จะรู้ได้ แต่ถ้าเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาสามารถที่จะรู้ได้
ที่มา ...