ค่อยๆ รู้สภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนี้


    ผู้ฟัง อย่างนี้เราแค่พิจารณาว่า สิ่งที่เห็นทางตาเป็นเพียงสภาพรู้ การได้ยินทางหูเป็นเพียงสภาพรู้ อย่างนี้ก็เป็นการเริ่มต้นในการเจริญสติปัฏฐาน แล้ว ใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ค่อยๆ เข้าใจลักษณะของนามธรรม และรูปธรรม คือ อย่าใช้ชื่อง่ายๆ ว่าเห็นเป็นนาม แล้วก็ได้ยินเป็นนาม แล้วก็คิดนึกเป็นนาม อันนี้ง่ายไป หมายความว่าที่จะใช้คำว่านาม ไม่ใช่เราจะต้องไปนึกถึงคำนี้ แต่ให้เข้าใจลักษณะของธาตุ หรือสภาพที่มีจริงๆ ที่กำลังรู้ คือ เห็น หรือที่กำลังรู้ คือ ได้ยิน หรือที่กำลังรู้ คือ คิดนึก เป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ ซึ่งทุกคนมีแน่ๆ จะไม่เรียกว่าจิต จะไม่เรียกว่าใจ จะไม่เรียกว่านามธรรม จะไม่แบ่งแยกเป็นนามขันธ์ ๔ หรืออะไรก็ได้ แต่ขณะนี้ตัวจริงของสภาพธรรมกำลังเห็น ตัวจริงของสภาพธรรมคือกำลังได้ยิน

    เพราะฉะนั้นก็จะต้องเข้าใจในลักษณะที่เป็นสภาพรู้ เพื่อที่จะได้เห็นว่าธาตุชนิดนี้เกิดขึ้นรู้ เพราะเหตุปัจจัย แล้วดับ จึงจะคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้

    ผู้ฟัง แต่สภาพรู้ที่พอเห็น เราบอกตัวเองว่าเป็นสภาพรู้อย่างหนึ่ง อย่างนี้เรานึกคิดเอาเองใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ค่ะ

    ผู้ฟัง เริ่มต้นอย่างนี้ถูกไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ไม่มีถูก ไม่มีผิด หมายความว่าเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ปัญญาต้องค่อยๆ อบรม ตั้งแต่ก่อนนี้ไม่เคยคิดอย่างนี้ ใช่ไหมคะ แล้วก็ยังมีสติที่ระลึกได้เป็นคำ แต่ว่ายังไม่เข้าถึงลักษณะแท้ๆ เพราะเหตุว่าขณะนั้นเป็นชื่อที่นึกเป็นคำขึ้นมา ในขณะนั้นไม่ได้พิจารณารู้ลักษณะที่เป็นสภาพรู้ เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้ว่า ขณะที่กำลังค่อยๆ เข้าใจในอาการรู้ ขณะนั้นไม่ได้นึกถึงชื่อ

    ผู้ฟัง ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ

    ท่านอาจารย์ ค่ะ เป็นเรื่องที่ต้องอบรม เพราะเหตุว่าจะได้ยินได้ฟังอย่างนี้ไปนาน หรือว่าชาติก่อนก็เคยได้ยิน แล้วก็ได้ หรือ ๒,๐๐๐ กว่าปีก็อาจเคยได้ยินมา แล้ว แล้วยังได้ยินต่อไปอีก เพราะเหตุว่าทุกคนก็กำลังเห็นอีก เกิดแสนโกฏิกัปป์มา แล้วก็เห็น แล้ว อีกแสนโกฏิกัปป์ก็เห็นอีก

    เพราะฉะนั้นลักษณะสภาพที่เห็นก็ยังคงเป็นเห็นซึ่งขึ้นอยู่กับอวิชชา หรือวิชชา ถ้าเป็นอวิชชา ก็ฟังไปก็ไม่เข้าใจในตอนแรกๆ แต่ว่าเมื่อเริ่มเข้าใจขั้นพิจารณาก็จะเป็นสังขารขันธ์ที่จะปรุงแต่งให้มีการรู้ โดยใช้คำว่าค่อยๆ รู้ขึ้น ที่เรียกว่า “สติปัฏฐาน“ หมายความว่า ค่อยๆ รู้สิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ โดยไม่ต้องไปทำอะไรเลย เมื่อระลึกได้ก็ค่อยๆ รู้ขึ้น ค่อยๆ รู้ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม นั่นคือสติปัฏฐาน แต่โดยมากจะไปติดชื่อ แล้วเอาจำนวนมาว่า สติปัฏฐานมี ๔

    เพราะฉะนั้นก็จะเริ่มจากกายานุปัสสนาสติปัฏฐานอย่างไร เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐานอย่างไร จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานอย่างไร ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานอย่างไร แต่นี่ไม่ใช่เรื่องของการคิดเรื่องชื่อ แต่ว่าสภาพธรรมกำลังปรากฏก็ค่อยๆ รู้ขึ้น


    หมายเลข 8836
    22 ส.ค. 2567