จิตที่เกิดขี้นต้องอาศัยเหตุปัจจัย
คุณอดิศักดิ์ ผมจะถามถึงเรื่องภวังค์ต่ออีกนิดหน่อย เมื่อกี้ท่านอาจารย์สุจินต์บอกว่า เมื่อจุติจิตแล้ว ก็ต้องปฏิสนธิจิต ไม่มีภวังค์คั่น จิตที่ไม่มีภวังค์คั่นก็เช่นจิตในฌาน ในฌานจิต แล้วก็ในมรรคจิต จะไม่มีภวังค์คั่น อันนี้ถูกไหมครับ
ท่านอาจารย์ ค่ะ แต่นั่นเป็นพวกวิถีจิต เรายังไม่พูดถึง เราพูดถึงก่อนที่วิถีจิตจะเกิด หมายความว่า หลังจากที่ปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว ก่อนวิถีจิตจะเกิด ก็ต้องเป็นภวังค์ เวลาที่จุติจิตดับ แล้วก็ไม่ใช่ภวังค์จะเกิดได้ เพราะเหตุว่าปฏิสนธิจิตต้องเกิดต่อ
นี่พูดถึงก่อนวิถีจิตทั้งหมด เพราะเหตุว่าถ้าใช้ภาษาผิดนิดเดียว ความเข้าใจผิดของเราซึ่งมีอยู่มาก จะทำให้เราคิดว่า มีที่อยู่ ใช่ไหมคะ พอออกมาเห็น ได้ยิน แล้วก็ลงภวังค์ คล้ายๆ กับไปอยู่ที่นั่น สงบนิ่ง ไม่ต้องทำอะไร ไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรเลย แล้วก็พอมีอะไรมากระทบก็ขึ้นมาอีกทีหนึ่ง ซึ่งลักษณะของจิตไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าตามปกติแล้ว ไม่ใช่ว่ามีสภาพของจิตเกิดอยู่ก่อน แต่ว่าจิตทุกขณะที่จะเกิดต้องอาศัยปัจจัยพร้อมที่จะทำให้จิตประเภทนั้นเกิดขึ้น อย่างจักขุวิญญาณที่เห็น หรือว่าโสตวิญญาณที่ได้ยิน ไม่มีทางเลยที่ถ้าขาดจักขุปสาท หรือโสตปสาทแล้ว จิตนี้จะเกิดได้
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่มีจิตพร้อม แล้วก็ลงภวังค์ แล้วก็ขึ้นมา หรืออะไรอย่างนั้น เพียงขณะหนึ่งๆ ที่เกิดจะต้องอาศัยเหตุปัจจัย เหมือนไฟแต่ละกอง ซึ่งไฟกองนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทางตา ไฟอีกกองหนึ่งก็เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทางหู แต่ระหว่างที่ปัจจัยยังไม่พร้อม ไฟจะยังไม่เกิด จิตจะยังไม่เกิดเลย
เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่ามีที่อยู่ที่ลงภวังค์ไปสบายๆ แล้วก็ขึ้นมา หรืออะไรอย่างนั้นหรือขณะที่นอนหลับก็สบายดี ไม่มีการรับรู้อะไรต่างๆ เหล่านั้น ไม่ใช่ค่ะ พยายามที่จะเข้าถึงสภาพธรรมซึ่งมีอายุที่สั้นมาก แล้วก็มีปัจจัยทำให้เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป นี่คือความเป็นจริงของชีวิตในแต่ละขณะ