ภวังคุปเฉท เป็นมโนทวาร
เพราะฉะนั้นเวลาที่ไม่รู้อารมณ์อะไรเลย แล้วเกิดจะรู้อารมณ์คือคิดนึกขึ้นทางใจ ใจนั่นเอง คือ ภวังค์ ซึ่งกำลังเป็นภวังค์อยู่ จะไหวเป็นภวังคจลนะ ถ้าตราบใดที่ยังใช้คำว่า “ภวังค์” อยู่ หมายความว่ายังรู้อารมณ์อื่นไม่ได้ ยังมีอารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิต เพราะเหตุว่าจิตขณะแรกที่เป็นปฏิสนธิจิตมีอารมณ์อะไร จิตที่เกิดสืบต่อเป็นผลของกรรมเดียวกัน กรรมทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด แล้วก็ดับไป แล้วกรรมทำให้ภวังค์เกิด ทำกิจภวังค์ดำรงภพชาติ
เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นจิตประเภทเดียวกัน รู้อารมณ์เดียวกัน ที่ใช้คำว่า “รู้อารมณ์เดียวกัน” นั้นแสดงว่า ขณะที่เป็นภวังค์อารมณ์ก็ไม่ปรากฏ เช่นขณะปฏิสนธิ เพราะฉะนั้นจะมีช่วงระยะของวันหนึ่งๆ ซึ่งอารมณ์ไม่ปรากฏ แล้วเวลาที่อารมณ์ไม่ปรากฏมาก ที่จะทำให้เรารู้ว่าอารมณ์ไม่มีเลย ก็คือในขณะที่หลับสนิท แต่ในขณะที่จะเริ่มคิดนึกถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใด แสดงว่าก่อนนั้นจิตกำลังเป็นภวังค์ แล้วพอจะเริ่มคิด ภวังค์ก็ไหว แต่ว่าจะคิดทันทีไม่ได้ เพราะเหตุว่าเมื่อภวังค์ไหว ซึ่งภาษาบาลีใช้คำว่า ภวังคจลนะ จลนะ แปลว่าไหว
เพราะฉะนั้นก็จะมีคำว่า ภวังค์ แล้วต่อจากภวังค์ก็เป็นภวังคจลนะไหว เมื่อภวังคจลนะดับไปแล้ว ภวังค์ที่เกิดต่อ เป็นภวังค์ขณะสุดท้ายของกระแสภวังค์ เมื่อภวังค์ดวงนี้เกิดแล้ว จะมีภวังค์อื่นเกิดสืบต่อไม่ได้ เพราะเหตุว่าเป็นการสิ้นสุดของกระแสภวังค์ ซึ่งใช้คำว่า ภวังคุปัจเฉทะ
เมื่อเป็นการสิ้นสุดของกระแสภวังค์ จิตขณะต่อไปก็ต้องเป็นวิถีจิต ที่ใช้คำว่า “วิถีจิต” หมายความว่า เริ่มรู้อารมณ์ซึ่งก่อนนั้นไม่รู้ ตอนที่กำลังเป็นภวังค์ อารมณ์ไม่ปรากฏ
เพราะฉะนั้นทางใจที่กำลังนึกคิดเรื่องราวต่างๆ ให้ทราบว่า เมื่อภวังคุปัจเฉทะ ดับ วิถีจิตแรกทางใจ คือ คิด นึกถึงอารมณ์ขณะนั้น ขณะแรกขณะเดียวซึ่งเริ่มที่จะคิดนึก เป็นมโนทวาราวัชชนะ เป็นวิถีจิตแรก
เพราะฉะนั้นวิถีจิตแรกไม่ว่าจะเป็นทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจก็ตาม ยังไม่ใช่กุศลจิต ยังไม่ใช่อกุศลจิต แต่เป็นอาวัชชนจิต ถ้าใช้คำว่า “อาวัชชนจิต” หมายความว่าจิตนี้ทำกิจนึกถึงอารมณ์ ถ้าเป็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นปัญจทวาราวัชชนะ เพราะนึกถึงอารมณ์ที่กระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ถ้าเป็นทางใจ นึกถึงเรื่องซึ่งกำลังเป็นอารมณ์ในขณะนั้น
เพราะฉะนั้นเมื่อมโนทวาราวัชชนจิตเป็นวิถีจิต จิตก่อนมโนทวาราวัชชนจิต จึงเป็นมโนทวาร
เพราะฉะนั้นคำว่ามโนทวารกับมโนทวาราวัชชนะ ต้องแยกกัน มโนทวาร หมายความถึงทางที่จิตจะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ แต่อาวัชชนจิตหมายความถึง วิถีจิตแรก ไม่ว่าจะเป็นทางทวารไหนทั้งสิ้น ถ้าเป็นทางใจก็เป็นมโนทวาราวัชชนจิต นึกคิดถึงอารมณ์
เพราะฉะนั้น แม้จิตนี้ คือ มโนทวาราวัชชนจิต หรือจิตซึ่งจะเกิดต่อจากมโนทวาราวัชชนจิตก็ดีต้องมีทาง
เพราะฉะนั้นทางของมโนทวาราวัชชนจิต ก็คือ ภวังคุปัจเฉทะซึ่งเกิดก่อน ถ้าภวังคุปัจเฉทะไม่เกิด มโนทวาราวัชชนจิตก็เกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นสำหรับทางใจ คือ มโนทวารวิถีนั้น ภวังค์คุปัจเฉทะเป็นมโนทวาร มโนทวาราวัชชนจิตเป็นวิถีจิตแรก