มโนทวารดีหรือไม่ดี
ทีนี้อีกทวารหนึ่ง คือ มโนทวาร ซึ่งต้องได้แก่จิต ถ้าจิตก่อนๆ ไม่เกิด จิตคิดนึกจะเกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่จิตคิดนึกจะเกิดได้ เมื่อภวังคุปัจเฉทะดับแล้ว มโนทวาราวัชชนจิตซึ่งเป็นวิถีจิตแรกทางใจเกิด เพราะฉะนั้นตัวภวังคุปัจเฉทะ ดีหรือไม่ดี มโนทวาร ได้แก่ ภวังคุปเฉทะ ไม่ใช่กุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิต เพราะฉะนั้น ก็คือ อัพยากตธรรม
ถ้าชื่อแปลกๆ มาจะเป็นวิบากจิตรึกิริยาจิตก็ตามแต่ ไม่ใช่กุศลจิต ไม่ใช่อกุศลจิต แล้วก็ต้องเป็นอัพยากตธรรม
นี่แสดงให้เห็นว่าวันหนึ่งๆ มีสภาพธรรมที่เป็นกุศลก็มี อกุศลก็มี วิบากก็มี กิริยาก็มี หรือว่าเป็นอัพยากตะก็มี ถ้าเราเรียนแล้วเราจะเข้าใจ แล้วก็จะรู้ถึงสภาพของจิตซึ่งเกิดดับสืบต่อกัน โดยความเป็นอนัตตา ซึ่งไม่มีใครบังคับบัญชาเลย
เพราะฉะนั้นจะไปบอกว่า ทำไมคนนี้คิดอย่างนี้ ทำไมไม่คิดดีๆ เหมือนกันหมด เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าต้องเป็นไปตามการสะสม แล้วอีกอย่างหนึ่ง คือ ธรรมไม่มีชื่อ คนอาจจะมีชื่อสมมติบัญญัติขันธ์ เรียกได้เพื่อให้เข้าใจ แต่ตัวธรรมแท้ๆ ไม่ต้องมีชื่อเลย อย่างโลภะ ใช้คำนี้เพื่อให้เข้าใจลักษณะที่ติดข้อง แต่ว่าจะเปลี่ยนชื่อก็ได้ ใช้ นันทะ ใช้ ราคะ ใช้ได้หลายคำ เพื่อที่จะให้เข้าใจถึงลักษณะของสภาพธรรมนั้น
เพราะฉะนั้นเวลาที่จะศึกษาอะไร ความเข้าใจของเราอาจจะเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย แต่เป็นความเข้าใจถูกตั้งแต่ต้น ให้เป็นความเข้าใจที่กว้าง ลึก ละเอียด แล้วก็ถูก เพราะว่าถ้าเราคิดไตร่ตรองเรื่องธรรม จะทำให้เราเกิดสติปัญญา แต่ถ้าเราจะตามตัวหนังสือไปเฉยๆ แล้วไม่คิดเลย ความกว้างขวางก็มีไม่ได้ เพราะเหตุว่าแต่ละคนจะต้องอบรมปัญญาของตัวเองด้วยความคิดนึกไตร่ตรอง ทำให้เข้าใจสภาพธรรมกว้างขวางขึ้น
เพราะฉะนั้นมโนทวาร ได้แก่ ภวังคุปัจเฉทะ เป็นอัพยากตธรรมเหมือนกัน เพราะเหตุว่าเป็นวิบากจิต