ตามปกติตามสภาพธรรมที่เกิดขึ้น
ผู้ฟัง ขณะที่เจริญสติปัฏฐานอยู่นั้น กำหนดจิตอยู่ที่การเจริญสติปัฏฐาน สภาวธรรมที่ปรากฏขณะนั้น แล้วก็สภาวะเหล่านั้นหายไปโดยที่เราไม่รู้สึกตัว สภาวะไม่รู้สึกตัว จะว่าหลับก็ไม่ใช่ ก็ไม่ได้หลับ แต่ว่ารู้อยู่ชัดอยู่ ขณะนั้นว่า มันไม่ได้ยิน ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน มันเงียบไป แล้วก็พอมารู้สึกตัว ก็รู้สึกว่า กระผมไม่กล้าที่จะใช้คำว่า มหัคตจิต มันกลายเป็นว่าสภาวะที่สูงไปแต่ว่าสภาวะเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงๆ กระผมมานั่งนึกว่าอันนี้เป็นการสั่งสมหรือเปล่า เพราะว่าเราไม่ได้เจตนาให้เกิด
ท่านอาจารย์ นี่คงแยกได้เป็นหลายข้อ ข้อที่ ๑ เมื่อกี้บอกว่ากำลังเจริญสติปัฏฐาน อันนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าสติเกิด สติระลึกลักษณะของสภาพธรรมแล้วดับ สติปัฏฐาน เจริญ แต่ไม่มีใครที่จะกำลังเจริญสติปัฏฐาน ถ้าเป็นผู้ที่กำลังรู้ลักษณะของสภาพธรรม แล้วก็เข้าใจเรื่องของการเจริญสติปัฏฐาน จะทราบได้ว่า ไม่มีตัวเราที่กำลังเจริญแน่นอน แต่ว่าขณะใดที่สติเกิด ขณะนั้นสติระลึก คือ มีลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้แล้ว แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าสติจะระลึกที่ลักษณะของสภาพธรรมใด ๑ ใน ๖ ทาง ทางตากำลังเห็น ทางหูกำลังได้ยิน ทางใจกำลังคิดนึก แล้วแต่สติ เพราะฉะนั้นไม่ใช่มีว่า ผู้หนึ่งผู้ใดกำลังเจริญสติปัฏฐาน ถ้าเข้าใจว่ามีการกำลังเจริญสติปัฏฐาน แล้วเหมือนเป็นเรื่องยาว เรื่องใหญ่ กำลังนั่งนิ่งๆ สัก ๕ นาที หรือว่ากำลังดูนั่นดูนี่ นั่นไม่ใช่ลักษณะของการละ และไม่ใช่ลักษณะของการรู้ ถ้าเป็นลักษณะของการรู้ ต้องเริ่มถูกตั้งแต่ต้นว่า สติเกิด สติระลึกลักษณะของสภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด ไม่ใช่เรากำลังเจริญสติปัฏฐาน ถ้าเป็นโดยลักษณะนี้ ก็จะเข้าใจความต่างกันของขณะที่สติเกิดกับขณะที่หลงลืมสติ เพราะฉะนั้นจะไม่มีข้อสงสัยว่า เรื่องอะไรหายไป ข้อสำคัญก็คือว่า ผู้ที่เจริญสติปัฏฐานต้องมีหลายเรื่องที่จะพิจารณาไม่ให้หลงทาง หรือไม่ให้ผิดทาง ถ้าปรากฏว่า ขณะใดแม้ผิดปกติไปเพียงเล็กน้อย ก็ยังต้องรู้ว่าขณะนั้นไม่ใช่หนทางที่ถูก
เพราะฉะนั้นก็ไม่สนใจเลยกับสิ่งซึ่งไม่ใช่ปกติในชีวิตประจำวัน เพราะเหตุว่าชีวิตทุกคนดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตเดียว ไม่ว่าขณะจิตนั้นจะเป็นจิตประเภทที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจก็ตาม จะเป็นสี จะเป็นเสียง จะเป็นกลิ่น จะเป็นรส จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ จิตเกิดขึ้นขณะใดมีอารมณ์ใดเพียงชั่วขณะสั้นๆ แล้วดับ เพราะฉะนั้นปัญญาจริงๆ ต้องรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามปกติจริงๆ ซึ่งเกิดขึ้นแล้วเพราะเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีความผิดปกติด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ให้ทราบว่า ขณะนั้นไม่ใช่การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่การเจริญปัญญา ชวนจิตสั่งสมทั้งหมดไงคะ