เพียงสิ่งที่ปรากฏ


    เข้าใจขึ้นในสิ่งที่กำลังเห็น คือไม่ได้คิดเรื่องอื่นเลย มีแต่สิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็นกับเห็น เข้าใจขึ้นในอะไร ไม่ใช่เพียงแต่เข้าใจแล้ว แล้วเข้าใจขึ้นด้วย บางคนบอกว่าเข้าใจแล้ว บอกว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาก็เข้าใจ บอกว่าเห็นก็เข้าใจ เข้าใจแล้ว นี่เข้าใจขึ้นหรือเปล่าในสิ่งที่มีจริงๆ ไม่ใช่เพียงในคำพูด แต่สิ่งที่มีจริงๆ ขณะนี้ยากไหมคะที่จะไม่มีคุณอรวรรณ ไม่มีคุณจรรยา ไม่มีคุณบุษกร ไม่มีคุณคำปั่น แต่มีเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ กว่าจะละความเป็นตัวตน หรือความเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดในสิ่งที่ปรากฏ เพราะเหตุว่าสภาพธรรมเกิดปรากฏ แล้วก็หมดไป รู้ชัด ไม่ต้องพูดถึงเลย เพียงแต่ว่าเดี๋ยวนี้เอง ทั้งๆ ที่ฟังอย่างนี้ ค่อยๆ เข้าใจความจริงของสิ่งที่ปรากฏ ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย แต่มีธรรมสิ่งหนึ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ แล้วสิ่งนี้เกิดแล้วดับด้วย

    นี่ต้องมาจากความเข้าใจขึ้นก่อน และเข้าใจขึ้นขณะนี้ เข้าใจขึ้นขั้นฟัง หรือว่าเข้าใจลักษณะที่กำลังเห็นขณะนี้ขึ้น และรู้ว่า สิ่งที่กำลังปรากฏก็เข้าใจความเป็นจริงของสิ่งที่ปรากฏขึ้นว่า ความจริงแค่นี้เอง แค่ปรากฏแล้วก็หมดไป เป็นกาม สิ่งที่ทำให้ยินดีเพลิดเพลินติดข้องเพราะปรากฏ แม้แต่เพียงปรากฏให้เห็น แค่เห็นก็มีจริง ยังไม่ต้องเป็นรูปร่างสัณฐานก็ติดข้องเสียแล้วในสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏ

    เพราะฉะนั้น ก็เห็นความละเอียดว่า อะไรปิดบังไม่ให้เห็นว่า เป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏ เกิดแล้วก็ดับไป ก็เพราะความติดข้องนั่นเอง

    เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ติดข้อง แม้ความพอใจยินดีในสิ่งที่เพียงปรากฏ ยังไม่เป็นอะไรเลย กับยินดีแล้วในสิ่งที่ปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐานต่างๆ เป็นคนนั้นคนนี้ ความติดข้องก็มากมายขึ้นมาอีก

    เพราะฉะนั้น กว่าจะเข้าใจขึ้นในสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นได้ เพียงปรากฏให้เห็นได้ และเป็นเพียงสักแต่ว่าอาศัยระลึก เพราะถ้าไม่มี จะรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏได้อย่างไร แต่เมื่อสิ่งนั้นมี แล้วไม่รู้ความจริง สิ่งที่มีจริงนั่นแหละเป็นเพียงอาศัยระลึกความจริงว่า สิ่งนั้นมีแล้วดับ นี่คือการรู้ชัด แต่ก่อนนั้นยังไม่ต้องกล่าวถึงรู้ชัดเลย แค่เข้าใจขึ้นจากการฟัง จะรู้ได้ว่า ลืมหรือเปล่าว่า ขณะนี้เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ แม้ขณะที่กำลังฟังอย่างนี้ ลืมหรือเปล่าว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้

    เพราะฉะนั้น เวลาที่เข้าใจขึ้นๆ จะน้อย จะมาก หรือจะเร็วหรือจะช้า เพราะว่าสะสมความไม่รู้มานาน เพียงแค่จะระลึก ไม่ว่าจะเห็นอะไรที่ไหน ก็รู้ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ เพียงแค่จำคำก็ไม่มี

    เพราะฉะนั้น การสามารถรู้ลักษณะจริงๆ ของสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ โดยไม่คิด แต่เริ่มเข้าใจความจริงขึ้นว่า เป็นอย่างนั้นจริงๆ ยังไม่ต้องกล่าวถึงการรู้ชัดเลย

    นี่คือพระมหากรุณาที่ทรงบัญญัติคำที่ส่องถึงลักษณะของสภาพธรรมโดยลักษณะของสภาพธรรมอย่างยิ่ง แม้แต่คำว่า สัจญาณ กิจญาณ กตญาณ หรือปริยัติ ปฏิปัตติ ปฏิเวธ เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกไม่ให้เข้าใจผิด เห็นผิด หรือกล่าวตู่พระองค์ว่า ไม่รู้อย่างนี้ ไม่เข้าใจอย่างนี้ก็สามารถถึงนิพพานได้ อันนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่เข้าใจสภาพธรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่กำลังปรากฏ หรือแม้แต่ลักษณะของนิพพาน

    เพราะฉะนั้น ฟังเพื่อละการไม่รู้ ไม่ใช่ต้องการอะไร สมบัติอะไรก็ไม่ใช่ แต่สมบัติที่เคยมีคืออวิชชา เอาไหมคะ มีต่อไป หรือฟังเพื่อละอวิชชา เพราะจริงๆ แล้วความไม่รู้ไม่ใช่สมบัติเลย แต่เข้าใจว่าเป็นสมบัติ เพราะไม่รู้จึงติดข้อง จึงต้องการสิ่งซึ่งเพียงปรากฏแล้วก็หมดไป

    เพราะฉะนั้น การฟังพระธรรมจึงเป็นเรื่องละเอียด เพื่อเข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประจักษ์แจ้ง และทรงพระมหากรุณาแสดงให้คนอื่นค่อยๆ อบรมความเห็นถูก จนกระทั่งสามารถรู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้


    หมายเลข 8936
    19 ก.พ. 2567