ไม่ควรคิดบวกลบคูณหารกับกุศล
ท่านอาจารย์ ขอพูดเรื่องของทานนิดหนึ่ง คือรู้สึกว่าเป็นปัญหามากมาย เพราะว่ามีคำถามเกี่ยวกับว่าได้ผลมากหรือน้อย จะได้หรือไม่ได้ อะไรต่างๆ ขอให้ทราบว่าเรื่องของกุศลแล้วเป็นเรื่องของการขัดเกลาจิตใจ แล้วก็เป็นเรื่องของจิตที่เป็นกุศล คือ เป็นจิตที่ดีงาม เมื่อเป็นจิตที่ดีงามแล้ว ในขณะนั้นก็ไม่มีโลภะ ไม่มีโทสะ ไม่มีโมหะ เพราะฉะนั้นไม่ใช่มุ่งหวังสิ่งใดๆ เป็นการตอบแทนทั้งสิ้น แล้วก็ไม่มีการคิดว่าจะได้มากได้น้อย ทำกุศลแล้วมานั่งคิดว่าได้มากได้น้อยได้อย่างไร จะเป็นกุศลได้อย่างไรในเมื่อบวกลบคูณหารอยู่ตลอดเวลาที่จะทำ
เพราะฉะนั้นไม่ใช่คิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะได้กุศลมากไหม อย่าคิด ไม่ต้องคิดเพราะเหตุว่าทำไมจึงต้องคิดอย่างนั้น ถ้าไม่เป็นการติดข้องในความเป็นตัวตน หรือว่าในผลของกุศล กุศลจะเล็กจะน้อย จะมากจะใหญ่อย่างไร ถ้ามีโอกาสที่จะทำ หรือว่าที่กุศลจิตจะเกิด ก็เกิดโดยที่ไม่ได้มุ่งหวังว่า กุศลนั้นจะกลับมาตอบสนองให้มากมายใหญ่โตหรือว่าเมื่อไร อันนั้นไม่ใช่เรื่องของการที่จะเป็นทาน หรือว่าเป็นกุศล ถ้ากุศลจริงๆ ก็คือว่า มีปัจจัยที่จะให้กุศลจิตเกิดขึ้นเป็นกุศลแล้วก็หมด แล้วกุศลนั่นเองเป็นเหตุเป็นปัจจัยซึ่งไม่มีตัวตน แล้วแต่เหตุแล้วแต่ปัจจัย เมื่อกุศลจิตซึ่งเป็นเหตุมี กุศลกรรมมี ก็เป็นปัจจัยให้เกิดกุศลวิบาก ทั้งกุศลจิตกุศลวิบากก็ไม่ใช่ตัวตน เกิดขึ้นแล้วดับไปตามเหตุตามปัจจัยเท่านั้น ทำไมต้องไปกังวลเรื่องมาก เรื่องน้อย เรื่องอะไรอย่างนั้น ให้ทราบว่า ไม่ควรจะคิดบวกลบคูณหารกับกุศลค่ะ
ผู้ฟัง ใช่คะ เรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับการให้ทาน ดิฉันก็ทราบมาบ่อยๆ เวลามีงานทอดผ้าป่าหรือทอดกฐินก็ตาม ถ้าเผื่อวัดนั้นได้เงินน้อยก็รู้สึกว่าจะได้บุญน้อย ถ้าได้เงินมากก็รู้สึกว่าจะได้บุญมาก อะไรอย่างนี้ อันนี้รู้สึกว่าเป็นความที่เข้าใจที่ดิฉันว่าไม่สำคัญอยู่ที่จำนวนเงิน มันอยู่ที่จิตที่เป็นกุศลมากกกว่า อย่างที่ท่านอาจารย์ก็ได้ให้ความเข้าใจกับพวกเราแล้ว
ท่านอาจารย์ จริงๆ น่าคิดว่า ถ้าได้เงินมากแล้วเป็นกุศลมาก หรือว่าเป็นโลภะ
ผู้ฟัง เป็นโลภะมากกว่าคะ