กิริยาจิตไม่ใช่เหตุ ไม่ใช่ผล


    ผู้ฟัง ดิฉันก็นึกถึงรูปหนังสือพิมพ์ ที่กองขยะเป็นภูเขาเลากา แล้วผู้ที่เขาอยู่กับกองขยะ อันนี้ก็เป็นวิบากของเขาใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ต่อไปนี้คุณสุรีย์ก็คงจะไม่ต้องถามใครอีกเลย เพราะเหตุว่าตาเห็นเป็นวิบาก จะเป็นคนข้างกองขยะ หรือไม่ใช่ในกองข้างกองขยะ ในปราสาทราชวัง หรือที่ไหนก็ตาม ขณะใดที่เห็น เห็นนั้นเป็นวิบากจิต ถ้าเห็นสิ่งที่น่าพอใจก็เป็นกุศลวิบาก เป็นผลของกุศลกรรม ถ้าเห็นสิ่งที่ซึ่งไม่น่าพอใจก็เป็นอกุศลวิบาก เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ไม่ต้องถามใครเลย เพราะว่ารู้แล้วว่าเห็น ใครจะเห็นก็ตามแต่ สุนัข แมว คน ตัวเล็กตัวใหญ่ อย่างไรก็ตามจักขุวิญญาณเกิดขึ้นเห็นขณะใด เป็นวิบากเป็นผลของกรรม หูได้ยินเสียงขณะใด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประเภทไหน หรือว่าคนที่ไหนก็ตาม ประเทศนั้นประเทศนี้ไม่มีการจำกัดเชื้อชาติ เพราะเหตุว่าชาติของจิต ไม่ใช่ชาติไทย ไม่ใช่ชาติจีน แต่ว่าเป็นการเกิดขึ้นเป็นวิบาก เป็นผลของกรรมทางตาเห็น ทางหูได้ยิน ทางจมูกได้กลิ่น ทางลิ้นลิ้มรส ทางกายกระทบสัมผัส

    เพราะฉะนั้นตอบได้ต่อไปนี้ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าพูดถึงเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส กองขยะ หรือไม่กองขยะก็เป็นวิบาก

    ผู้ฟัง วิบากจิตที่ดีมาจากกุศลจิตเป็นปัจจัย วิบากจิตที่ไม่ดีมาจากอกุศลจิตที่เป็นปัจจัย กุศลที่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นเพราะมีปัจจัย เช่น ปกตูปนิสสยปัจจัยเป็นต้น แล้วอกุศลที่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นเพราะปัจจัย เช่น ปกตูปนิสสยปัจจัย เป็นต้น กุศล อกุศลวิบากเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย ผมสงสัยกิริยาจิต ไปอย่างไรมาอย่างไร ไม่เป็นบุญ ไม่เป็นบาป เป็นกิริยา เหตุผลเป็นอย่างไรครับ

    ท่านอาจารย์ เพราะว่ากิริยาจิตโดยทั่วไปแล้ว เป็นจิตของพระอรหันต์ เพราะเหตุว่าพระอรหันต์ไม่มีกุศล ไม่มีอกุศล พระอรหันต์มีวิบากจิต เพราะเหตุว่าตราบใดที่ท่านยังไม่ปรินิพพาน ก็ต้องมีอดีตกรรมที่ทำให้จิตเห็นเกิดขึ้น จิตได้ยินเกิดขึ้น แม้พระผู้มีพระภาค หรือแม้พระอัครสาวก แม้ใครก็ตามที่ยังมีภพชาติอยู่ ที่ยังไม่ถึงจุติจิตสุดท้ายซึ่งเป็นปรินิพพานแล้วละก็ต้องมีอดีตกรรมเป็นปัจจัยทำให้วิบากจิตเกิดขึ้น

    เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นจิตพระอรหันต์เว้นอเหตุกกิริยาจิต ซึ่งเราก็ยังไม่กล่าวถึงเลย เพราะว่าขณะนี้เราเพียงแต่จะพูดถึงเรื่องชาติของจิตให้เข้าใจจริงๆ ความเข้าใจสำคัญมาก หลายคนบอกว่าจำไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องจำ เรื่องเข้าใจก่อน ถ้าเข้าใจเรื่องกุศล เข้าใจว่ามีชาติ ๔ ชาติ คือ กุศล เราก็ชินหูตั้งแต่เด็ก อกุศล เราก็ชินหู เพิ่มวิบากกับกิริยาซึ่งเป็นคำใหม่ แล้ววิบาก็ไม่ยากเลยเพราะเหตุว่าเป็นผล ในเมื่อมีกุศลกรรมอกุศลกรรมซึ่งเป็นเหตุ วิบากก็เป็นผล เราก็จำว่ามีกุศลกรรม อกุศลกรรมเป็นเหตุแล้วก็มีวิบากคืออกุศลวิบาก และกุศลวิบากซึ่งเป็นผล แล้วก็มีพิเศษออกมาอีกหนึ่ง ซึ่งถ้าพระผู้มีพระภาคไม่ทรงแสดงไว้ก็ไม่มีใครจะรู้เลย คือ กิริยาจิตซึ่งไม่ใช่กุศล เพราะไม่เป็นเหตุให้เกิดวิบาก แล้วก็ไม่ใช่อกุศล เพราะไม่เป็นเหตุให้เกิดวิบาก คือ ไม่เป็นเหตุให้เกิดอกุศลวิบาก หรือกุศลวิบาก และกิริยาจิตเองก็ไม่ใช่วิบาก เพราะเหตุว่าไม่ใช่เป็นผลของอดีตกรรม มีจิตที่เกิดขึ้นเพราะปัจจัยอื่นที่จะกระทำกิจในระหว่างที่มีการรู้อารมณ์วาระหนึ่งๆ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

    นี่คือกิจของจิตซึ่งไม่ใช่เหตุ ไม่ใช่กุศล อกุศล และไม่ใช่วิบากซึ่งเป็นผล แต่ก็มีจิตซึ่งเกิดเพราะปัจจัยที่จะทำกิจนั้น ซึ่งไม่ใช่กิจของวิบากจิต แล้วก็ไม่ใช่กิจของกุศลจิต ไม่ใช่กิจของอกุศลจิต


    หมายเลข 8967
    22 ส.ค. 2567