เบื่อเพราะไม่รู้ ๑


    ผู้ฟัง สำหรับเรื่องกามาวจรจิต แล้วก็กามาวจรภูมิ ท่านผู้ฟังท่านใดมีข้อสงสัยอยากจะเรียนถามทางท่านวิทยากร ก็ขอเชิญ

    ท่านอาจารย์ อันนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า จิตประเภทกามาวจรจิต เวลาที่ให้ผลปฏิสนธิ จะปฏิสนธิที่อื่นไม่ได้ นอกจากในกามภูมิ เพราะฉะนั้นก็จะต้องเรียนเรื่องจิตที่เป็นกามาวจรจิต โดยเหตุ และโดยผล ว่าถ้าเป็นกุศลระดับขั้นกามาวจรจิต เวลาให้ผลก็ให้ผลเพียงเกิดในมนุษย์หรือสวรรค์ ๖ ชั้น จะไปเกิดในรูปพรหม หรืออรูปพรหมไม่ได้ เพราะว่าเมื่อกามาวจรจิตเป็นเหตุ ก็จะทำให้ปฏิสนธิในกามภูมิ ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม ก็แน่นอนจะต้องเกิดในกามภูมิ แต่ว่าระดับที่เป็นอบายภูมิ คือ ภูมิที่ไม่เจริญ ๔ ภูมิ ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน

    นี่ก็แสดงให้เห็นว่าการที่จิตมีมากมาย เราก็ต้องทราบระดับขั้นของจิตคือสภาพความเป็นของจิตนั้นๆ ว่า เป็นจิตภูมิไหน ถ้าเป็นจิตที่เป็นกามาวจรจิต เป็นกามภูมิก็วนเวียนอยู่ในกามโลก หรือกามภูมิ ซึ่งเป็นที่เกิด ๑๑ ภูมิ

    ผู้ฟัง ก็วนเวียนอยู่ในกามภูมิที่แสดงไว้ทั้งหมด ทีนี้ในเรื่องของจิตที่เป็นฝ่ายกุศลหรืออกุศล ที่ผู้ที่จะเจริญ ปรารถนาที่จะให้มีฝ่ายกุศล ไม่ปรารถนาไปเกิดในภูมิที่เป็นนรก อะไรอย่างนี้ หรือว่าชั้นต่ำๆ ลงไป อะไรอย่างนี้ ก็ปรารถนาในการเจริญสูงขึ้นไป ชั้นเทวภูมิหรือมนุษย์ ที่เราเคยอยู่นี้ ขอให้กลับมาเกิดที่นี้อย่างนี้ อันนี้มี

    ท่านอาจารย์ ปรารถนาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องไปเกิดในสวรรค์กันหมด แต่ต้องรู้เหตุที่จะทำให้เกิดว่า ต้องเป็นเหตุของกุศล กุศลเป็นเหตุจึงจะทำให้เกิดในกามสุคติภูมิ ซึ่งเป็นมนุษย์ ๑ สวรรค์ ๖ ได้ แต่ถ้าอกุศลกรรมเป็นเหตุแล้วต้องไปเกิดในอบายภูมิ เพราะฉะนั้นไม่ขึ้นอยู่กับความปรารถนา แต่ขึ้นอยู่กับการรู้ว่า ขณะใดเป็นกุศลจิต แล้วก็กุศลจิตนั้นไม่ใช่มีแต่เฉพาะทานอย่างเดียว มีกุศลประเภทอื่นด้วย แต่ตราบใดที่ยังเป็นกุศลขั้นกามาวจรจิต ก็จะต้องเกิดอยู่ในกามาวจรภูมิเท่านั้น

    ผู้ฟัง การที่ต้องเกิดวนเวียนอยู่อย่างนี้ ถ้าเราศึกษาเพียงแค่นี้ก็คงจะต้องมีความรู้สึกน่าเบื่อหน่ายเหมือนกัน ต้องมาเกิดเป็นอย่างนี้ แล้วทางที่จะหลุดพ้นไปได้อะไรต่างๆ เหล่านี้ต้องหาทางที่จะให้พ้นไป ความรู้สึกอย่างนี้มันก็มีสำหรับคนที่มาศึกษาอย่างนี้ ก็เกิดความปรารถนา ความต้องการ จะต้องหาทาง หรือว่าเจริญอะไรก็ตามแต่ ที่จะให้พ้นไปอย่างนี้ มีทางหนึ่งที่มีสอนหรือบอกไว้ คือว่าให้เจริญสติปัฏฐาน อันนี้จะเป็นเครื่องช่วยได้ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ แต่จริงๆ แล้วดิฉันไม่ได้คิดอย่างคุณชวลิต คือ รู้สึกใครจะพูดว่าเบื่อโลกหรือเบื่อไม่อยากจะเกิดอีก เหมือนพูดเล่น คือ ไม่ได้พูดจริงๆ ในเมื่อทุกวันนี้เราเห็น เราก็ยังอยากเห็นอยู่ แล้วได้ยิน ก็ยังอยากได้ยินอยู่ แล้วจะบอกว่าเบื่อโลก ไม่ทราบไปเบื่อตอนไหน คือได้ยินพระธรรมมานิดหน่อยว่า จะต้องเกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิดอีกเรื่อยๆ ก็เลยเหมือนกับจะเบื่อ แต่ความจริงฟังมาว่า ท่านเหล่านั้นท่านเบื่อกัน เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่เจริญปัญญาแล้ว แต่ว่าผู้ที่ยังไม่ได้รู้ความจริงของสภาพธรรม แล้วถึงกับจะเบื่อไม่อยากจะเกิดอีก ก็คงจะเป็นเพียงความคิดเท่านั้นเอง แต่ยังไม่ใช่ความจริงใจ

    ผู้ฟัง ไม่ใช่เบื่อจริงๆ ใช่ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ ไม่ทราบว่าในห้องนี้มีใครที่เบื่อจริงหรือเปล่าคะ

    อ.นิภัทร ที่อาจารย์ถามว่ามีใครเบื่อจริงๆ หรือเปล่า ก็คงไม่มี แต่ว่ามันเบื่ออะไรก็ไม่ทราบ ฟังๆ อยู่รู้สึกมันเบื่อๆ เพราะฉะนั้นก็อยากให้ท่านอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยว่า ที่เราเรียนๆ ไป มันจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ที่จะเป็นประโยชน์สำหรับที่จะเป็นข้อปฏิบัติหรือเกื้อกูลแก่การปฏิบัติ ที่เรียนๆ กันเยอะแยะไปหมด ที่ฟังรายละเอียดต่างๆ

    ท่านอาจารย์ เมื่อกี้ที่เบื่อ เบื่อเพราะไม่รู้


    หมายเลข 8979
    22 ส.ค. 2567