ทำไมไม่เป็นเรื่องของกรรม


    ผู้ฟัง มิจฉาทิฏฐิกับทิฏฐิ เป็นความหมายอันเดียวกันหรือเปล่า

    ท่านอาจารย์ เป็นชื่อ ซึ่งอยู่ในที่ต่างๆ ถ้าใช้คำว่า “ทิฏฐิเจตสิก” ในประเภทของอกุศลเจตสิกหมายถึงมิจฉาทิฏฐิ เพราะฉะนั้นบางทีเราก็ละไว้ในที่เข้าใจ ถ้าเรากำลังพูดถึงเรื่องกุศล เราก็บอกว่า ความเห็นถูก อันนั้นภาษาบาลีก็ใช้คำว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก ก็หมายความว่าเป็นปัญญาเจตสิก เพราะฉะนั้นต้องทราบว่า เรากำลังพูดเรื่องอะไร แล้วเราจะใส่คำเต็ม หรือจะใช้คำย่อก็ได้ แต่ว่าเป็นที่เข้าใจ

    ผู้ฟัง เรื่องยึดถือพระก็ยึดถืออะไรก็ได้เขาบอกว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิที่จะช่วยให้เขาพ้นเคราะห์อันนี้เรียกว่าเป็นสีลัพพตปรามาสด้วยเหมือนกันใช่ไหมครับ คือยึดถือในสิ่งที่ผิด แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าปฏิบัติผิดเพื่อรู้แจ้งอริยสัจธรรม แต่ยึดถือผิด

    ท่านอาจารย์ ที่จริงเวลาที่มีพระหรือว่าพกพระไปด้วย ทำไมถึงชอบไปคิดเรื่องอุบัติเหตุ ทำไมไม่คิดว่าการที่พกพระแล้วเราดีขึ้นบ้างไหม ไม่เคยมีใครที่จะคิดถึงจิต สภาพของจิตซึ่งพระธรรมจะทำให้เราชำระอกุศล แต่ว่าเรากลับไปหวัง เต็มไปด้วยโลภะ

    เพราะฉะนั้นเรามีอะไร เราก็มีเพื่อโลภะทั้งนั้น มีพระพุทธรูปก็เพื่อโลภะ มีพระเครื่องก็เพื่อโลภะ มีทุกอย่างก็เพื่อโลภะ เพื่อตัวของตัวเอง แล้วตัวเองดีขึ้นบ้างหรือเปล่า เวลาที่มีพระ ซึ่งจริงๆ แล้วพระธรรมไม่ได้สอนให้เราติด แต่สอนให้เราขัดเกลาอกุศล

    เพราะฉะนั้นแทนที่ว่า มีพระแล้วเราจะดีขึ้น กับมีพระแล้วคนนั้นพ้นภัย ทำไมไม่เป็นเรื่องของกรรม เพราะว่าทุกคน ถ้าละเอียดจริงๆ แล้วจะทราบได้ว่า ในขณะที่เห็น ถ้าไม่มีกรรม จะไม่ต้องเห็น ถ้าไม่มีกรรม ก็ไม่ต้องได้ยิน ยังไม่ต้องไปคิดเรื่องอุบัติเหตุหรือเรื่องอะไรเลย ถ้าไม่มีกรรมก็ไม่ต้องเกิด เพราะว่าเกิดมาแล้วจะพ้นไปจากมีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย แล้วก็มีการที่จะได้เห็น ได้ยิน พวกนี้ไม่ได้เลย ทำไมไม่คิดถึงต้นตอว่าเป็นอะไรแน่ที่ทำให้เห็นเดี๋ยวนี้ โดยที่ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอุบัติเหตุ แล้วถ้าจะคิดถึงพระ ควรจะคิดว่า เมื่อมีพระแล้วดีขึ้นบ้างหรือเปล่า เข้าใจธรรมขึ้นบ้างไหม ไม่ใช่ไปคิดเรื่องผลของกรรม ซึ่งอย่างไรก็ต้องมีแน่ เพราะว่าคนนั้นคงจะไม่ได้ลืมครั้งเดียว และอุบัติเหตุเกิดทุกครั้งไปหรือเปล่า ถ้ายิ่งเกิดทุกครั้ง คงจะยิ่งเชื่อ ก็ยิ่งแย่

    นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตรง มั่นใจกล้าพอที่จะรับเหตุผลต่อความจริง

    ผู้ฟัง ขออนุญาตครับ เรื่องศักดิ์สิทธิ ผมก็เชื่ออยู่เรื่องพระปริตร แต่สวดพระปริตรก็เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัย สร้างกุศลให้เกิดขึ้น แต่ท่านตรัสว่าอานุภาพของพระปริตรก็มี แต่พระปริตรมีแล้วไม่ใช่ว่า คนเราจะไม่ต้องตาย จะไม่ต้องรับผลของกรรม ไม่ใช่อย่างนั้น เหมือนกับมีหมอ ก็ไม่ใช่ว่ารักษาคนได้ทุกโรค ไม่มีใครตายเลยเพราะมีหมอ ถ้าโรคหนักจริงๆ ก็ตาย เมื่อกรรมหนักจริงๆ ก็ต้องเป็นไปตามกรรมอยู่แล้ว แต่พระปริตรก็พอที่จะช่วยได้บ้าง แต่ต้องนับถือให้ถูก

    ท่านอาจารย์ เดี๋ยวค่ะ อานุภาพของพระปริตรมี เพื่อให้เราดีหรือเปล่า

    ผู้ฟัง เพื่อให้เราดีขึ้น

    ท่านอาจารย์ เวลาที่สวดพระปริตร มีแต่เรื่องของพระธรรมใช่ไหมคะ แล้วพระธรรมสอนให้ดีหรือเปล่า อานุภาพของพระปริตรก็คือทำให้คนเป็นคนดีหรือเปล่า แล้วจะเอาอานุภาพอะไร

    ผู้ฟัง อานุภาพของความดี

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นก็ต้องกลับมาที่เหตุผล พระปริตรคืออะไร ใช่ไหมคะ ต้องเข้าใจก่อน ไม่ใช่เขาพระปริตร เราก็พระปริตร ฟังก็ไม่ออก

    ผู้ฟัง ยกตัวอย่างเช่น ยังกิญจิสมุทยธัมมัง ธรรมใดๆ ในโลกนี้บรรดามี ในมนุษย์ก็ดี ในเทวโลกก็มี รัตนะนั้นเสมอด้วยพุทธรัตนะไม่มี ด้วยสัจวาจานี้ขอความสวัสดีจงมี

    ท่านอาจารย์ อันนี้สอนใคร

    ผู้ฟัง สอนเรา

    ท่านอาจารย์ แล้วเราดีขึ้นไหม พอพูดอย่างนี้

    ผู้ฟัง เราก็เกิดศรัทธา

    ท่านอาจารย์ ไม่ค่ะ สอนอย่างนี้ สอนให้ดี แล้วเราดีขึ้นแล้วหรือยัง

    ผู้ฟัง ก็ขณะจิตที่เลื่อมใสศรัทธาก็คงเป็นกุศล

    ท่านอาจารย์ ดี ดีขึ้นแล้วหรือยัง

    ผู้ฟัง ดี เป็นกุศลตอนนั้น

    ท่านอาจารย์ เป็นกุศลแล้วหรือยัง แค่นั้นพอแล้วหรือคะ

    ผู้ฟัง ก็ต้องทำไปเรื่อยๆ

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจอีก ต้องเข้าใจอีก เพราะว่าพระธรรมทั้งหมด อานุภาพคือทำให้เป็นคนดี เพื่อให้ละกิเลส

    ผู้ฟัง ครับ แล้วอีกเรื่องที่คุณวีระบอกว่า ไปไหว้พระแล้วขอให้อะไรอย่างนี้ มันมีเหตุผลที่ว่า ธรรม ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุข พละ ย่อมเจริญแก่บุคคลที่มีปกติ อ่อนน้อมต่อผู้เจริญเป็นนิจ

    ท่านอาจารย์ นั่นเป็นกุศลหรือเปล่า

    ผู้ฟัง เป็นกุศล

    ท่านอาจารย์ เป็นคนดีหรือเปล่า แล้วดีให้ผลดีหรือเปล่า

    ผู้ฟัง ให้ผลดีครับ

    ท่านอาจารย์ ก็เป็นเรื่องดีทั้งนั้น สอนให้เป็นคนดีทั้งหมด


    หมายเลข 9013
    21 ส.ค. 2567