น้อมไปในสาระ
ท่านอาจารย์ ถ้ามีคนบอกคุณชุณห์ว่า สิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ไม่ใช่ธรรม เชื่อไหมคะ
ผู้ฟัง ไม่เชื่อครับ
ท่านอาจารย์ เพราะน้อมจากการฟังทีละน้อยจนกระทั่งเป็นความเข้าใจเพิ่มขึ้น ฟังครั้งแรกอาจจะไม่เชื่อเลย ธรรมอยู่ที่ไหน ธรรมคืออะไร สิ่งที่มีจริงนี่น่ะหรือคือธรรม คือสับสน ปะปนคำ ธรรมเป็นภาษาบาลี สิ่งที่มีจริงเป็นภาษาไทย
เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าใจว่า เดี๋ยวนี้มีเห็นจริงๆ หรือเปล่า จะตอบว่าอย่างไรคะ
ผู้ฟัง มีจริง
ท่านอาจารย์ มีจริง ภาษาบาลีใช้ว่า เป็นธรรม สิ่งที่มีจริง
เพราะฉะนั้น ก็สามารถเข้าใจสิ่งที่มีเมื่อไร น้อมไปหรือเปล่าจากไม่รู้ไปสู่ความรู้ขึ้น โดยคุณชุณห์ไม่ต้องทำอะไร ไม่มีตัวตน แต่มีจิต เจตสิก มีรูป
รูปไม่ใช่สภาพรู้ ไปบอกรูปสักเท่าไรว่า เป็นรูปนะ ไม่รู้อะไรนะ ไปนั่งบอกรูปอย่างนี้ รูปจะรู้ไหมคะ ไม่มีสภาพน้อมไปสู่ความเข้าใจขึ้น แต่สำหรับจิต เจตสิก เป็นธาตุรู้ โดยจิตเป็นใหญ่ เป็นประธานในการรู้แจ้ง เพียงรู้ สิ่งที่ปรากฏมีลักษณะต่างกันหลากหลายอย่างไร จิตรู้แจ้งในสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่เจตสิกทั้งหลายไม่ใช่คุณชุณห์ ไม่ใช่ใครเลย ทำหน้าที่ของเจตสิกนั้นๆ ถ้าเป็นฝ่ายอกุศลไม่รู้ ก็ไม่รู้ ติดข้อง โกรธ ขุ่นเคือง เพราะไม่รู้ความจริงว่า เป็นแต่เพียงธรรม แต่ขณะใดที่เป็นฝ่ายดี เป็นเมตตา มีสติ มีปัญญา ขณะนั้นก็น้อมไป ไม่ใช่เรา
เพราะฉะนั้น คำว่า “น้อมไป” หมายความว่า จากไม่รู้สู่ความรู้ ใครทำ ไม่มีใครทำเลย แต่สังขารขันธ์กำลังน้อมไป
คุณชุณห์ทราบไหมว่า สิ่งใดก็ตามที่เกิดแล้วดับไปเป็นสาระหรือไม่เป็นสาระ
ผู้ฟัง ไม่เป็นสาระ
ท่านอาจารย์ ไม่เป็นสาระ พูดได้ แต่วันนี้ทั้งหมดเลยที่ผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย เรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นสาระหรือเปล่า
ผู้ฟัง เป็นสาระอย่างยิ่งครับ
ท่านอาจารย์ เห็นไหมคะ ยังไม่น้อมไปจนเข้าใจถูกว่า ไม่ใช่สาระเลย โดยคุณชุณห์ไม่ต้องน้อม ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่เจตสิกที่เป็นสังขารขันธ์นั่นเองทำหน้าที่เป็นไปตามภาวนา คือการอบรม ถ้าไม่อบรมทีละเล็กทีละน้อย จะเป็นอย่างนั้นได้ไหมที่เห็นว่า โลภจะเป็นอย่างไร อะไรจะเกิดขึ้น ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เพราะเป็นธรรมที่เป็นอนัตตา น้อมไปหรือยัง ไม่ใช่เราพยายามไปน้อม แล้วก็แข็งอยู่อย่างนั้น จะน้อมให้ได้ แต่ว่าไม่มีอะไรเลย นอกจากเข้าใจ และเจตสิกฝ่ายโสภณ ซึ่งค่อยๆ เข้าใจขึ้น นั่นแหละคือค่อยๆ น้อมไป
เพราะฉะนั้น ขณะที่เข้าใจ น้อมไปสู่นิพพานหรือเปล่า แต่ไม่ปรากฏเลย ไม่มีกำลังที่จะเห็นว่า กำลังน้อมไปสู่ความเห็นว่า ไม่เกิดนั่นแหละคือดับทั้งหมด ไม่ต้องรับฟังเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องมีปัญหา ไม่ต้องอะไรเลย แม้จะเกิดบนสวรรค์ เกิดเป็นรูปพรหมบุคคล เป็นอรูปพรหมบุคคลก็ยังต้องกลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ เพราะเหตุว่ายังไม่ได้ดับอกุศลทั้งหลายซึ่งเกิดเพราะความไม่รู้
เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ยังไม่รู้อยู่ ก็ต้องเป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น หนทางเดียวที่จะค่อยๆ น้อมไปสู่การดับทุกข์ ก็คือค่อยๆ เข้าใจขึ้น ต้องเป็นปัญญา
เพราะฉะนั้น ถ้าใช้คำว่า “น้อม” ก็ต้องรู้ว่า ทั้งหมดเป็นธรรม มิฉะนั้นการศึกษาก็ไม่สอดคล้องกันเลย ใช่ไหมคะ ทุกอย่างเป็นธรรม แต่พอถึง “น้อมไป” นี่อะไรล่ะ ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ก็คือธรรมนั่นแหละ