เพราะมีการฟังพระสัทธรรมน้อย


    ผู้ฟัง พูดถึงข้อ ๓ มีการฟังพระสัทธรรมน้อย อันนี้เห็นด้วยเลยจากประสบการณ์ของตัวเอง เมื่อก่อนก็ไม่ได้ฟังหรือฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ เวลาโกรธ ก็โกรธมากๆ โกรธจนกระทั่งตัวสั่นหรือใจสั่น อันนี้ดิฉันคิดว่าดิฉันไม่ได้ปฏิบัติธรรม ใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ ด้วยความเป็นตัวตนก็ต้องยังมีอยู่ แต่ค่อยๆ เปลี่ยนไงคะ

    ผู้ฟัง ดิฉันกลัวฆ่าสัตว์ ออกไปนอกมุ้งลวด ยุงจะกัดก็ไม่ออก คือไม่ใช่กลัวยุงกัดแล้วเราไม่ตบ มันต่างกัน อันนี้ตรงจุดนี้อยากจะถามอาจารย์ว่า มันก็ไม่ได้ประโยชน์ในการปฏิบัติธรรม

    ท่านอาจารย์ ก็หนีไปเรื่อย หนีแล้วไม่พ้น ก็แล้วแต่ๆ ละขณะ เพราะว่าไม่เป็นโลภะก็เป็นโทสะ เป็นโมหะ ไม่เป็นกุศล แต่ถ้าเป็นกุศลจริงๆ ก็ต้องรู้ว่าขณะนั้นเป็นอะไร

    ผู้ฟัง แต่ปัญหามันมีว่าเราก็ไม่ต้องมีโกรธ เราก็ไม่ต้องการฆ่า

    ท่านอาจารย์ แปลว่าไม่ชอบความโกรธ แล้วก็ไม่ชอบทุจริตกรรม คือการฆ่า

    ผู้ฟัง ก็คือยังเป็นอกุศลอยู่

    ท่านอาจารย์ ก็แล้วแต่สติปัฏฐานไม่เกิด สติสัมปชัญญะไม่เกิดจะไม่รู้สภาพของจิต ก็เลี่ยงไปเลี่ยงมา หนีไปหนีมา อย่างไรก็หนีไม่พ้น คิดอย่างนี้ดีกว่า เพราะยังไงก็หนีไม่พ้น

    ผู้ฟัง คำว่าจุดหนี คือดิฉันไม่ได้ทำกุศลนั่นเอง ดิฉันไม่ได้ปฏิบัติธรรม แต่ดิฉันเลี่ยง อันนี้ก็กลายเป็นอกุศลหรืออย่างไร แต่ว่ามันไม่ใช่ ดิฉันก็ละเว้นการโกรธ ละเว้นการฆ่าสัตว์ด้วยนะ อาจารย์

    ท่านอาจารย์ ขณะนั้นจะมีโลภะ มีโมหะ หรือมีกุศล ต้องเป็นเรื่องของสติสัมปชัญญะจึงจะรู้ได้ ถ้ารู้ไม่ได้ก็เป็นอย่างนี้ เลี่ยงไป หนีไป แต่ไม่พ้น ใช้คำว่าไม่พ้นจากสังสารวัฏฏ์ ใครจะทำวิธีไหนก็ตามแต่ แต่ก็ไม่พ้น เพราะฉะนั้นก็มีหนทางที่เราจะพ้นได้ แม้ว่าเป็นหนทางที่ช้า

    ผู้ฟัง คือจะต้องเผชิญกับสิ่งนั้น

    ท่านอาจารย์ อะไรก็ตามถ้าฟังเรื่องของสติปัฏฐานเข้าใจ มีปัจจัยที่จะเกิดการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ขณะนั้นก็มีปัจจัยที่จะระลึก ไม่มีตัวตน ไม่เหมือนกับเราที่กำลังพยายามเลี่ยงไปเลี่ยงมา

    ผู้ฟัง หมายความว่ายังคิดเป็นมีตัวมีตนอยู่ แต่ทีนี้ถ้าเราคิดถึง อย่างเห็นง่ายๆ สมมติว่ายุงกัด เราก็ปล่อยให้เขากัด เราไม่ตบ กับเราไม่ต้องไปอยู่ในที่ให้เขากัดเลย เราก็ไม่ได้ฆ่าเหมือนกัน

    ท่านอาจารย์ ทั้งหมดนี้ คือบวกลบคูณหารอยู่ตลอดเวลา ใช่ไหมคะ

    ผู้ฟัง ใช่ๆ ๆ ๆ

    ท่านอาจารย์ เหนื่อย ผลลัพธ์ออกมาก็เหนื่อยอย่างละเอียด

    ผู้ฟัง เราก็ต้องไปเจอ แล้วก็ระลึกรู้หรืออย่างไร

    ท่านอาจารย์ ก็อย่างนี้ค่ะ เพราะว่าบางคนเขาก็คิดบวกลบคูณหารไปตลอดชีวิตเหมือนกับนักลงทุน หวังผล หรือว่าเหมือนกับคนที่กำลังคิดเรื่องกำไรขาดทุน แต่จริงๆ แล้วเราต้องทราบว่า ถึงเราจะทำอย่างไรเราก็ไม่พ้นจากสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะรู้กุศลอีกประเภทหนึ่ง ก็เจริญกุศลประเภทนั้นด้วยความมั่นคงแทนที่จะเป็นตัวตนที่เลี่ยงไปเลี่ยงมา แต่ก็ไม่ใช่หมายความว่าอยู่ในอำนาจของเรา แต่ฟังจนกระทั่งเข้าใจแล้วรู้ว่า ขณะไหนสติเกิด ขณะนั้นคือนาทีทอง หรือยิ่งกว่าทอง


    หมายเลข 9053
    21 ส.ค. 2567