กำลังเห็นทางตานี่แหละ...ไม่รู้
ท่านอาจารย์ อย่างที่บอกเมื่อกี้ว่า กลัวอกุศล ลึกลงไปอีก ไม่ทราบกลัวอกุศลอะไร ประเภทไหน กลัวโลภะ หรือว่ากลัวโทสะ แต่ไม่กลัวโมหะ หรือว่ากลัวโมหะด้วย ต้องเป็นผู้ที่ละเอียด เพราะว่าส่วนมากกลัวโทสะก่อน แล้วต่อจากนั้นก็กลัวโลภะ พอรู้จักโลภะ แต่โมหะไม่กลัวหรือคะ ถ้ากลัวโมหะ ก็คือต้องรู้จริงๆ ว่า ต้องเกิดความรู้จึงจะละโมหะได้ แล้วก็ไม่ว่าเป็นโลภะหรือโทสะ ก็ต้องเกิดความรู้ เพราะเหตุว่าโลภะก็ดี โทสะก็ดี ก็เกิดเพราะมีโมหะนั่นเอง
ผู้ฟัง แต่โมหะจะรู้ยาก คือไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ว่าไม่รู้อะไร
ท่านอาจารย์ กำลังเห็นทางตานี่แหละไม่รู้
ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นโมหะเป็นเรื่องที่ท่านอาจารย์ก็เน้นให้เราได้ทราบ มีเรื่องที่ทำให้ท่านเกิดความสงสัยในสภาพธรรม มีคำอยู่อีกคำหนึ่งที่ใช้อยู่คู่กับวิจิกิจฉา แล้วมีบ่อยก็คือคำว่า “กังขา” ท่านอาจารย์สมพรช่วยขยายความคำว่า กังขา ในเรื่องนี้สักนิด
อ.สมพร กังขา กับ วิจิกิจฉา กังขานั่นคือความสงสัยเหมือนกัน ศัพท์นี้ ภาษาบาลีก็แปลว่าสงสัย แต่วิจิกิจฉาก็สงสัย แต่ว่าท่านเรียกว่า เป็นนิวรณ์ เป็นชื่อนิวรณ์ แต่กังขาเป็นชื่อความสงสัย ถ้าจะว่าโดยอรรถแล้ว ก็ภาวะคล้ายๆ กันต่างกันโดยพยัญชนะ กังขาแปลว่าสงสัย วิจิกิจฉาก็แปลว่าสงสัย ในอัฏฐสาลินีกล่าวว่า พุทเธกังคติ ย่อมสงสัยในพระพุทธเจ้า ตัววิจิกิจฉานั่นเอง ธัมเมกังคติ ย่อมสงสัยในพระธรรม สังเฆกังคติ ย่อมสงสัยในพระสงฆ์ บาลีต่างกัน พยัญชนะต่างกัน แต่ว่าโดยอรรถแล้วก็ความสงสัย
ผู้ฟัง ขอบพระคุณท่านมากครับ