สติต่างกับสัมปชัญญะอย่างไร
ผู้ฟัง ช่วยกรุณาอธิบายให้ชัดเจนเกี่ยวกับสติ ระลึกได้ กับ สัมปชัญญะ ที่ว่ารู้ตัว คือผมฟังแล้ว หรือบางทีก็ไปถกเถียงกัน บางคนก็เถียงว่ามันตัวเดียวกัน ทีนี้ก็จะขอเรียนจากอาจารย์ ช่วยแยกว่ามันเหมือนกันหรือมีอะไรส่วนต่างกัน บ้างครับ สติ ความระลึกได้ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว จะไปแยกกันตอนไหนครับ
ท่านอาจารย์ สติเป็นสภาพที่ระลึก เพราะฉะนั้นสติจะระลึกเป็นไปในทานก็เป็นสติ สติที่จะระลึกที่จะวิรัตทุจริตขณะนั้นก็เป็นสติ เวลาที่จิตไม่สงบเป็นอกุศล แล้วเกิดระลึกรู้ว่าขณะนั้นเป็นอกุศล แล้วกุศลจิตเกิด ขณะนั้นก็เป็นสติที่เกิดพร้อมกุศลจิต ที่ไม่เป็นอกุศลอีกต่อไป
เพราะฉะนั้นสติก็คือสภาพที่ระลึกได้ แต่ว่าสัมปชัญญะเป็นสภาพที่เป็นปัญญา จริง แต่ว่าไม่ใช่ปัญญาเพียงขั้นฟัง อย่างเวลาที่เรากำลังฟังเรื่องเห็น เป็นธาตุชนิดหนึ่ง ไม่ใช่ตัวตน เป็นจิตประเภทหนึ่ง นี่คือฟังเรื่อง ขณะที่ฟังก็ต้องมีสติ เพราะว่าถ้าไม่มีสติแล้วก็ไม่เข้าใจ ฟังก็ผ่านหูไป แต่ว่าเป็นสติสัมปชัญญะหรือเปล่า ถ้าเป็นสติสัมปชัญญะหมายความว่าขณะที่กำลังเห็นนี้เอง แล้วฟังเรื่องเห็น แล้วมีการระลึกรู้เห็นที่กำลังเห็นในขณะนี้ ว่าขณะนี้เป็นสภาพรู้ นั่นคือสติสัมปชัญญะ เพราะเหตุว่าถ้าสติสัมปชัญญะไม่เกิด ก็เพียงฟัง ไม่ใช่ไม่มีสติ มี แต่ว่าขณะใดที่ไม่ได้ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรม ขณะนั้นก็ไม่ใช่สัมปชัญญะ
เพราะฉะนั้นก็ต้องเข้าใจว่าสำหรับการอบรมเจริญภาวนา ไม่ว่าจะเป็นสมถภาวนาก็ตาม หรือว่าวิปัสสนาภาวนาก็ตาม ปราศจากสติสัมปชัญญะไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะไปพยายามทำอะไรให้เกิดความไม่รู้สึกตัว เหมือนกับนั่งอยู่แล้วก็ลอยออกไป หรืออะไรอย่างนั้น นั่นไม่ใช่สภาพที่รู้สึกตัว ไม่ใช่ปัญญา
เพราะฉะนั้นถ้าเป็นปัญญาจริงๆ ก็คือว่าเมื่อมีสติระลึก แล้วก็ต้องมีการรู้ถูกในลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏด้วย ขณะนั้นจึงจะเป็นสติสัมปชัญญะ เพราะถ้าทุกคนเพียงแต่ฟังคำแปล แล้วก็ไม่รู้ว่า รู้ทั่วที่ไหน รู้ทั่วอะไร ก็เพียงแต่จำได้ว่าคำนี้แปลว่าอย่างนั้น แต่ไม่ทราบลักษณะจริงๆ ของสัมปชัญญะก็คือว่า ในขณะที่สติเกิดจะต้องมีสภาพธรรมที่ปัญญากำลังรู้ในขณะนั้นด้วย จึงจะเป็นสติสัมปชัญญะ
ผู้ฟัง ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าสติบางครั้ง สัมปชัญญะอาจจะไม่เกิดก็ได้
ท่านอาจารย์ แน่นอนค่ะ เวลาที่ให้ทานก็เป็นสติขั้นทานเท่านั้น
ผู้ฟัง สติตัวนี้ก็หมายความที่เกิดมาจากเจตสิก
ท่านอาจารย์ สติเป็นเจตสิก คือ ไม่มีเรา แต่ว่ามีสภาพธรรมซึ่งเป็นจิต เจตสิก รูป เพราะฉะนั้นในขณะที่กำลังฟังธรรม ให้ทราบว่าขณะนี้เป็นจิต เจตสิก รูปทั้งนั้น ในที่นี้ ส่วนที่เป็นรูปก็เป็นรูป ไม่รู้อะไรเลย ส่วนที่เป็นนามธรรมก็เป็นจิต และเจตสิกซึ่งเกิดเพราะเหตุปัจจัยแต่ละขณะ ให้ทราบว่าที่เกิด เกิดแต่ละขณะ ไม่ใช่ว่ามีอยู่แล้ว แล้วก็เกิดขึ้นทำกิจการงาน แม้แต่จิตได้ยิน ขณะนี้ก็ไม่ใช่ขณะก่อน แต่ว่าเกิดขึ้นทันทีที่มีเสียงกระทบกับโสตปสาท แล้วจิตขณะก่อนยังไม่ใช่จิตที่ได้ยิน แต่ว่าเป็นปัจจัยให้จิตได้ยินเกิด นี่แสดงให้เห็นว่าสภาพธรรมอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นทำกิจการงานแล้วดับทันที
ผู้ฟัง ตัวสัมปชัญญะเกิดมาจากอะไร โดยข้อเท็จจริง
ท่านอาจารย์ ต้องมีเหตุปัจจัยทั้งนั้น เหตุปัจจัยนี้ก็ต้องปัจจัย ๒๔ ถ้าไม่เคยสะสมมาก่อนเลยจะให้ปัญญาเกิดขณะนี้ก็ไม่ได้ ไม่เคยฟังเรื่องปรมัตถธรรม ไม่เคยฟังเรื่องนามธรรม รูปธรรม จะให้สติระลึกลักษณะของนามธรรม รูปธรรมก็ไม่ได้
ผู้ฟัง สงสัยนิดเดียว คือ เมื่อสักครู่อาจารย์บอกว่า สติเกิดโดยไม่มีสัมปชัญญะ อาจารย์พูดถึงทานใช่ไหม
ท่านอาจารย์ ทาน เวลาที่ไม่มีการรู้ลักษณะของสภาพปรมัตถธรรม ขณะใดก็ตามเป็นแต่เพียงสติได้
ผู้ฟัง ได้ เพราะฉะนั้น วันๆ เราก็มีสติได้
ท่านอาจารย์ ถ้าขณะนั้นเป็นกุศลจิต
ผู้ฟัง ต้องเป็นกุศลจิต
ท่านอาจารย์ แน่นอนค่ะ เพราะว่าสติเป็นโสภณเจตสิก จะไม่เกิดกับอกุศลจิตเลย
ผู้ฟัง แล้วสติก็เกิดกับกุศลทุกดวงด้วย ใช่ไหมคะ
ท่านอาจารย์ ทุกประเภท
ผู้ฟัง ในขณะที่เราทำกุศล สติก็จะต้องเกิดแล้ว