อกุศลมีชาติเดียว
ผู้ฟัง ขอถามท่านอาจารย์แทนท่านผู้ฟัง ในเรื่องของโสภณกับอกุศลสัมปยุตต์ ทำไมเราจึงไม่เรียกว่า อโสภณสัมปยุตต์ ในเรื่องของอกุศลสัมปยุตต์ อันนี้ขอกราบเรียนถามท่านอาจารย์สุจินต์
ท่านอาจารย์ อกุศลสัมปยุตต์ก็มีทิฏฐิ ซึ่งเวลาที่มีจิตชาติอกุศลเกิดขึ้น จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากว่าเป็นอกุศลอย่างเดียว เวลาที่เจตสิกที่เป็นอกุศลเจตสิกเกิดกับจิต จะทำให้จิตนั้นเป็นอกุศลชาติเท่านั้น ชาติเดียว จะไม่เป็นวิบาก หรือว่าจะไม่เป็นกิริยา คือ เจตสิกที่เป็นอกุศลทั้งหมด มี ๑๔ ประเภท แล้วอกุศลเจตสิกเกิดกับจิตขณะใด จิตนั้นต้องเป็นอกุศลชาติ ชาติเดียว ไม่เหมือนโสภณเจตสิก ซึ่งถ้าโสภณเจตสิกเกิด จะเกิดกับกุศลจิตก็ได้ วิบากจิตก็ได้ กิริยาจิตก็ได้ แต่เฉพาะอกุศลเจตสิก ๑๔ ดวง หรือ ๑๔ ประเภท เมื่อเกิดกับจิตแล้ว จิตนั้นต้องเป็นอกุศลชาติเดียวเท่านั้น
ผู้ฟัง แล้ว ๑๔ ประเภทนี้ หมายถึงอกุศลเจตสิก
ท่านอาจารย์ อกุศลเจตสิก มี ๑๔ เมื่อเกิดกับจิตแล้ว จิตนั้นเป็นอกุศลจิตเท่านั้น จะเป็นวิบากไม่ได้ จะเป็นผลไม่ได้
ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นเป็นอกุศลฝ่ายเดียว
ท่านอาจารย์ ต้องเป็นอกุศลชาติ ซึ่งจิตมี ๔ ชาติ คือ เมื่อจิตเกิดขึ้นจะต้องเป็นชาติหนึ่งชาติใดใน ๔ ชาติ คือ เป็นอกุศล หรือเป็นกุศล หรือเป็นวิบาก หรือเป็นกิริยา วิบากคือ ผลของกุศลจิต และอกุศลจิต เพราะฉะนั้นก็มีกุศลวิบากจิต และอกุศลวิบากจิต แต่รวมแล้วก็เป็นวิบาก คือ เป็นผล ส่วนกุศลนั้นไม่ใช่อกุศล และอกุศลก็ไม่ใช่กุศล เพราะฉะนั้นก็แยกกัน เป็นจิตฝ่ายที่เป็นเหตุที่เป็นกุศล ๑ จิตที่เป็นเหตุฝ่ายอกุศล ๑ และจิตที่เป็นวิบาก ๑ จิตที่เป็นกิริยา ๑ สำหรับอกุศลเจตสิกจะทราบว่า ถ้าเกิดกับจิตใด จิตนั้นต้องเป็นอกุศล เป็นชาติที่เป็นเหตุ
ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นอกุศลสัมปยุตต์นั้น เราก็เรียก อกุศลสัมปยุตต์ ส่วนโสภณนั้นเราไม่เรียกว่า กุศลสัมปยุตต์ เพราะว่ากว้างขวางกว่ากัน
ท่านอาจารย์ ค่ะ เกิดกับวิบากจิตก็ได้ กิริยาจิตก็ได้
ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นก็คงจะชัดเจนขึ้น นะครับ