จิตที่ไม่เป็นทั้งอสังขาริกและสสังขาริก


    ผู้ฟัง ขอเรียนถามท่านอาจารย์สมพรว่า เราจะทราบได้อย่างไรว่า จิตพวกนี้ที่ไม่มีชื่อระบุว่า อสังขาริกกัง หรือ สสังขาริกกัง จิตดวงไหนเป็นอสังขาริก จิตดวงไหนเป็นสสังขาริก คือถามถึงจิตที่มีชื่อภาษาบาลีที่ไม่ลงท้ายด้วยอสังขาริกกัง หรือสสังขาริกกัง ก็มีพวกโมหมูลจิต ๒ ดวง อเหตุกจิต ๑๘ ดวง รูปาวจรจิต อรูปาวจรจิต โลกุตตรจิต

    อ.สมพร จิต เช่น โมหมูลจิต ๒ ดวง ท่านไม่กล่าวสสังขาริก อสังขาริก ตามนัยของพระอนุรุทธาจารย์ เราจะกล่าวว่าเป็นอสังขาริกหรือเป็นสสังขาริกไม่ได้ เพราะว่าโมหะมันก็เกิดขึ้น เรียกว่าไม่มีกำลัง เมื่อเปรียบเทียบ จิตมี ๒ อย่าง เช่น โลภะ มีกำลัง และไม่มีกำลัง ส่วนโมหะไม่กล่าวถึงมีกำลัง และไม่มีกำลัง โมหะเป็นไปโดยอาการสั่งสม เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว มีการสั่งสมมาแต่อดีต เหมือนว่าอวิชชาเป็นปัจจัยให้สังขารมีการสั่งสมมา เนื่องจากอาสวะเป็นเหตุ แต่นี่อย่างโลภะแบ่งออกเป็น ๒ พวก เพราะว่าประเภทหนึ่งจิตมีกำลังกล้า อีกประเภทหนึ่งจิตมีกำลังอ่อน หรือมหากุศลก็เช่นเดียวกัน ที่ท่านไม่จัดเป็นอสังขาริก และสสังขาริกก็เฉพาะโมหมูลจิต และอเหตุกจิต ๑๘ ตามนัยของพระอนุรุทธาจารย์ ไม่ใช่อาจารย์รุ่นใหม่ อาจารย์รุ่นใหม่เขาจัดไปอีกอย่างหนึ่ง

    ผู้ฟัง ท่านอาจารย์สุจินต์มีความเห็นอย่างไรคะ

    ท่านอาจารย์ อาจารย์รุ่นใหม่จัดอย่างไรคะ

    อ.สมพร สมัยนี้เขาจัดโมหมูลจิต ๒ ดวง เป็นอสังขาริก เพราะมีกำลังกล้า แต่รุ่นใหม่เขากล่าวอย่างนั้น แล้วอเหตุกจิตนั้นก็เกิดขึ้นเอง เป็นประเภทรวมอยู่ในอสังขาริกได้ เกิดขึ้นเอง ก็แสดงว่ามีกำลังกล้า นี่อาจารย์รุ่นใหม่ แต่รุ่นเก่าพระอนุรุทธาจารย์ไม่จัด โมหมูลจิต ๒ ดวง อเหตุกจิต ๑๘ ไม่จัดเป็นสสังขาริก และอสังขาริก เฉพาะจิต ๒ ประเภทนี้

    ท่านอาจารย์ รูปาวจรจิต และอรูปาวจรจิต

    อ.สมพร อาจารย์บอกว่า เพิ่มรูปาวจรจิต และอรูปาวจรจิต แล้วก็ตามวิถีจิตก็ไม่มี รูปาวจรจิต และอรูปาวจรจิต พวกได้ฌานต่างๆ ก็ไม่กล่าวถึงสสังขาริก อสังขาริก แต่อาจารย์รุ่นใหม่บอกว่าเป็น สสังขาริก อันนี้เราก็ต้องแยกกัน ท่านไม่กล่าว ดูตามนัยพระบาลีของท่าน ท่านไม่กล่าวถึงสสังขาริก และอสังขาริกเลย เช่นพวกได้ฌาน ฌานจะเกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดทันทีทันใด ต้องมีเริ่มต้น มีตั้งแต่บริกรรม เรื่อยไปจนกว่าฌานจะเกิด แต่ที่กล่าวว่า สสังขาริก อสังขาริก ต้องเกิดทันทีทันใด เช่น โลภมูลจิตเป็นอสังขาริกเกิดขึ้นในขณะนั้นเอง ส่วนฌานกว่าจะเกิดได้ก็เป็นเวลานาน ตั้งแต่บริกรรม อุปจาร อนุโลม โคตรภู ถึงฌาน แล้วท่านจึงไม่จัดเป็นสสังขาริก และอสังขาริก เพราะว่าไม่ได้เกิดด้วยขณะจิตนั้น เหมือนโลภะเป็นต้น

    ท่านอาจารย์ โลกุตตรจิต

    อ.สมพร โลกุตตรจิต ก็อีกอันหนึ่ง ก็ไม่ได้จัดเป็นสสังขาริก อสังขริก เพราะว่าในพระบาลีไม่ได้กล่าว เมื่อไม่ได้กล่าวพระอนุรุทธาจารย์ก็ไม่กล่าวว่าโลกุตตรจิต ๘ เป็นสสังขาริก อสังขาริก

    ผู้ฟัง แล้วอเหตุกจิตล่ะคะ เกิดขึ้นเอง

    อ.สมพร อเหตุกจิตนั้นมันเกิดขึ้นเพราะปัจจัย สีกระทบกับตา เมื่อได้ปัจจัยนี้ จิต นี้ก็เกิดขึ้นเอง ไม่ต้องชักชวนหรือไม่ชักชวนอะไร เกิดขึ้นเพราะปัจจัยประชุมพร้อมกัน

    ผู้ฟัง แสดงว่าเขามีกำลังกล้าที่จะเกิดขึ้นเอง ใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้น

    อ.สมพร กำลังของปัจจัย ทำให้จิตเห็นเกิดขึ้น อเหตุกจิต จิตเห็น จิตได้ยินเป็นต้น เรียกว่าอเหตุกจิต


    หมายเลข 9094
    14 ส.ค. 2567