เฉยๆไม่ใช่ไม่ติคข้อง


    อ.กฤษณา อยากจะขอเรียนท่านอาจารย์สุจินต์กรุณาให้ความกระจ่างว่า ลักษณะของอโลภเจตสิกที่ท่านแสดงว่า เป็นสภาวะที่จิตไม่ติดอารมณ์ ไม่ติดในอารมณ์นั้นเป็นอย่างไร แล้วก็ต่างจากความรู้สึกเฉยๆ ที่เป็นอุเบกขาเวทนาอย่างไร อาจารย์ เรียนเชิญ

    ท่านอาจารย์ โลภะ ไม่ใช่เวทนา ไม่ใช่ความรู้สึก แล้วก็ อโลภะก็ไม่ใช่เวทนา ไม่ใช่ความรู้สึก เพราะฉะนั้นทำไมถึงจะมาเกี่ยวกัน

    อ.กฤษณา คือ อโลภะ เป็นสภาพที่ไม่ติดในอารมณ์

    ท่านอาจารย์ แล้วทำไมจะต้องรู้สึกเฉยๆ ไม่ติดคือไม่ติด

    อ.กฤษณา จะต่างอย่างไรกับความรู้สึกเฉยๆ ที่เป็นอุเบกขาเวทนา

    ท่านอาจารย์ อโลภะเป็นสภาพที่ไม่ติดข้อง ต้องแยกเวทนาเจตสิกกับอโลภเจตสิกกับโลภเจตสิก เวทนาเป็นสภาพที่รู้สึก แต่ว่าโลภะเป็นสภาพที่ติดข้อง แต่อโลภะตรงกันข้าม คือไม่ติดข้อง แล้วเรื่องของลักขณาทิจตุกะ หรือลักษณะของสภาพธรรมที่แสดงโดยลักษณะ หรือว่าโดยกิจ โดยอาการที่ปรากฏ โดยเหตุใกล้ให้เกิด เป็นเครื่องเทียบ เพื่อจะให้เห็นความเป็นอนัตตา แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไปเห็นอย่างนั้น หรือรู้อย่างนั้น เช่นในขณะนี้ ขณะที่กำลังฟังธรรม มีอโลภเจตสิก มีอโทสเจตสิก แล้วก็มีโสภณเจตสิกมาก แต่เราจะรู้ลักษณะของอโลภไหมคะ

    อ.กฤษณา อโลภะ ยังไม่สังเกตเห็น

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่าเราจะไปเห็น แต่เรารู้ว่ามี เพราะฉะนั้นเวลาที่กุศลจิตเกิด แล้วแต่ว่ากุศลจิตนั้นเป็นไปในทานก็ต้องมีอโลภเจตสิก แล้วก็ต้องมีอโทสเจตสิก ด้วย ขณะที่วิรัติทุจริต ขณะนั้นก็มีอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก แต่ไม่ใช่หมายความว่าขณะนั้นเรารู้ในลักษณะอาการของอโลภะ แล้วแต่สติจะมีการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมใด ทั้งๆ ที่มีอยู่ แต่ไม่ใช่ว่า เรา จะไปรู้ ต้องแล้วแต่สติเกิด

    อ.กฤษณา แล้วแต่สติจะเกิด แล้วในขณะที่เป็นอโลภเจตสิก ขณะนั้นแม้ว่าเราจะไม่รู้ แต่ก็เป็นไปพร้อมกับความรู้สึกเฉยๆ คือ อุเบกขาได้

    ท่านอาจารย์ เกิดกับโสมนัสก็ได้ เกิดกับอุเบกขาก็ได้

    อ.กฤษณา เพราะฉะนั้นบางครั้งที่เฉยๆ เราก็ไม่ทราบว่าคนนี้เฉยติด หรือ เฉยไม่ติด

    ท่านอาจารย์ คุณกฤษณายกตัวอย่างเมื่อกี้รับประทานอาหาร ใช่ไหมคะ

    อ.กฤษณา ตัวอย่างที่ถาม ชอบอาหารจานนี้ไหม แล้วคนที่ถูกถามก็ตอบว่า เฉยๆ

    ท่านอาจารย์ ขณะนั้นไม่ใช่อโลภะเลย

    อ.กฤษณา เพราะว่าเฉยๆ จะเฉยๆ โลภะก็ได้ หรืออโลภะก็ได้

    ท่านอาจารย์ ต้องเป็นกุศล จึงจะเป็นอโลภะ

    อ.กฤษณา ถ้าขณะนั้นสติปัฏฐานเกิด ก็เป็นอโลภะ

    ท่านอาจารย์ แน่นอน ถ้าขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นจึงจะเป็นอโลภะ อโทสะ และโสภณเจตสิกอื่นๆ แต่ถ้าคนนั้นตอบว่า เฉยๆ แล้วคนอื่นคิดว่า คนนี้ไม่ติดข้อง ไม่ถูกต้อง เพราะเหตุว่าขณะนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่า เขาเป็นกุศลจิต หรือไม่ใช่กุศลจิต แต่เวลาที่กุศลจิตเกิด แน่นอนต้องมีอโลภะ


    หมายเลข 9102
    14 ส.ค. 2567