ธรรมที่ไม่ใช่เหตุ
อ.กฤษณา ใคร่ขอให้ท่านอาจารย์สมพรได้กล่าวถึงสภาพธรรมที่ไม่เป็นเหตุบ้างว่าได้แก่อะไร ที่เป็น นเหตุธัมมา เรียนเชิญอาจารย์สมพร
อ.สมพร เราต้องแยกออกธรรมที่เป็นเหตุ มุ่งถึงมูลเหตุ ถ้ามุ่งถึงมูลเหตุก็ได้แก่สภาพธรรม ๖ อย่างนี้ เหตุที่เป็นมูล แต่คำว่าเหตุ เฉพาะเหตุอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับมูล มีความหมายกว้างขวาง หมายถึงว่าเป็นปัจจัยก็ได้ เป็นที่อาศัยให้เกิดอย่างอื่นอีกก็ได้ แต่ถ้ากล่าวถึงเหตุที่เป็นมูล หมายถึงเหตุที่มั่นคงดุจต้นไม้มีรากแก้ว ต้นไม้มีรากใหญ่ มั่นคงอย่างนั้น ดังนั้นเราจะต้องนึกถึงว่า ที่กล่าว ธรรมที่นอกจากมูลเหตุ ๖ อย่าง แล้ว ได้แก่อะไรบ้าง ก็มากมาย มูลเหตุ ๖ อย่าง เป็นเจตสิก ที่เหลือเจตสิกทั้งหมดมี ๕๒ อย่าง เราก็ตัดออกเสีย ๖ ที่เหลือก็ธรรมที่ไม่ใช่ที่เป็นมูลเหตุ ทั้งหมดมี ๕๒ ตัดออกเสีย ๖ แล้วก็จิตทั้งหมดไม่ใช่เหตุที่เป็นมูล จิตทั้งหมดก็มี ๘๙ หรือ ๑๒๑
อ.กฤษณา ท่านอาจารย์สุจินต์มีอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุ และนเหตุ
ท่านอาจารย์ รู้สึกอยากจะให้ผู้ฟังคิดบ้าง รู้สึกฟังไปเรื่อยๆ แล้ว ยังไม่ได้ถามกลับไปเลยว่า มีความมั่นคงเข้าใจอะไรสักแค่ไหน เพราะว่าธรรมก็สับสนง่าย ถ้าถามกลับว่ารูปเป็นเหตุหรือเปล่า ไม่เป็น เพราะฉะนั้นแน่นอนที่สุด คือว่า นอกจากเจตสิก ๖ ดวง แล้วทุกอย่างไม่ใช่เหตุ
การศึกษาธรรมต้องจำกัดความ เพราะว่าพระธรรมเกิดจากการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาค เพราะฉะนั้นเมื่อทรงแสดงลักษณะของสภาพธรรม แล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย ถ้ากล่าวว่าสภาพธรรมที่เป็นเหตุ ที่เป็นมูล ได้แก่ เจตสิก ๖ ดวง คือ โมหเจตสิก โลภเจตสิก โทสเจตสิก เป็นอกุศลเจตสิก ๓ ที่เป็นอกุศลเหตุ ๓ อโลภะ อโทสะ อโมหะ เป็นโสภณเจตสิก ซึ่งเป็นโสภณเหตุ ๓ นอกจากเจตสิก ๖ ดวงนี้ แล้ว ทุกอย่างไม่ใช่เหตุ๖ ถ้ากล่าวอย่างนี้ จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้นที่ถามว่ารูปเป็นเหตุใช่ไหม คำตอบ คือ ไม่ใช่แน่นอน นิพพานเป็นเหตุใช่ไหม ไม่ใช่ สติเจตสิกเป็นเหตุใช่ไหม ไม่ใช่
เพราะฉะนั้นก็ไม่ยากเลย ถ้าเรามีความเข้าใจจริงๆ ว่า ถ้าพูดถึงเหตุ ๖ นอกจากเจตสิก ๖ ดวงนี้ แล้ว อย่างอื่นทั้งหมดไม่ใช่ โลภมูลจิตเป็นเหตุใช่ไหม ไม่ใช่ เราต้องมีความมั่นใจว่า ถ้าพูดถึงจิตก็ไม่ใช่เหตุ หรือว่าเหตุ ๖ นี้ ถ้าพูดถึงเหตุ ๖ แล้วต้องเป็นเจตสิกเพียง ๖ ดวงนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นวันนี้ก็คงจะถามตอบกันได้หลายคน ต่างคนต่างถามกันดู เพื่อความมั่นใจว่าเข้าใจในเรื่องเหตุ ๖ นี้แค่ไหน