ถอนตะปูตรึงใจ


    ท่านอาจารย์ ตะปูแข็งไหมคะ และความเคลือบแคลงสงสัย ถ้ามี แข็ง มั่นคง จะหมดสงสัยได้ไหม หรือทำให้สงสัยอยู่นั่นแล้ว ไม่หมดสงสัยเสียที พิสูจน์ได้ไหมคะ ตั้งแต่ฟังธรรมมา หมดความสงสัยไหม หรือว่าก็ยังสงสัย เพียงแต่มากหรือน้อย และความสงสัยจะถึงกับเป็นตะปูตรึงใจให้ไม่พิจารณาอะไร เพียงแต่สงสัย ได้ฟังก็สงสัย ได้ฟังก็สงสัย หรือว่าความสงสัยมี แต่เป็นตะปูเล็กๆ ในขณะที่เกิดขึ้น ทำให้ขณะนั้นไม่เข้าใจธรรม แต่เมื่อมีโอกาสได้ฟังธรรมเพิ่มขึ้น ก็สามารถคลายความสงสัยได้ เหมือนกับแม้ตะปูจะตอกตรึงไว้ แต่ก็สามารถถอนหรือคลายได้ แต่ต้องเป็นความเห็นถูก คือ ปัญญา เท่านั้นที่สามารถละคลายได้

    เพราะฉะนั้น ให้ทราบว่า ขณะใดธรรมที่หยาบกระด้างเปรียบเหมือนตะปูที่แข็ง เกิดขึ้นแล้วก็ตรึงใจ ทำให้ขณะนั้นไม่สามารถไปสู่ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก หรือออกจากความเคลือบแคลงได้ แต่ก็สามารถมีธรรมที่สามารถคลายความสงสัย คือ ปัญญา

    ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ไม่ได้สะสมความสงสัย และไม่ได้ศึกษาธรรมเลย ขอเพียงเก็บความสงสัยเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยไม่ฟังเหตุผล ไม่พิจารณาว่า แท้จริงแล้วเป็นธรรมที่ยากจะรู้ และหลากหลาย และจะรู้ได้ด้วยปัญญาที่ได้อบรมเพิ่มขึ้น

    เพราะฉะนั้น หนทางเดียวที่ยังสงสัย เพราะยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญาเพิ่มขึ้น แต่ว่าอบรมเจริญปัญญาเพิ่มขึ้น ความสงสัยจะน้อยลงไหมคะ

    ผู้ฟัง น้อยลง

    ท่านอาจารย์ ตะปูตรึงใจก็ค่อยๆ ถอนออกได้ ความสงสัยในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในการศึกษา ศึกษาคือรู้ว่า การที่ได้ฟังบ่อยๆ สามารถทำให้เข้าใจธรรมที่ได้ยินได้ฟัง เพราะว่าสิ่งที่ได้ยินได้ฟังก็เป็นเรื่องของธรรม เมื่อเข้าใจแล้วก็ทำให้รู้หนทางที่ทำให้หมดความสงสัย หรือหมดตะปูตรึงใจได้ มิฉะนั้นจากปุถุชนก็จะไปสู่ความเป็นพระอริยบุคคลไม่ได้ แต่เพราะเหตุว่าธรรมเหล่านี้ แม้ว่าขณะที่เกิดเป็นตะปูตรึงใจ แต่ถ้ามีปัญญาเมื่อไร ก็ค่อยๆ ถอนสิ่งที่เป็นตะปูตรึงใจได้

    เพราะฉะนั้น ทุกคนก็รู้ตัวดี คนอื่นบอกไม่ได้เลยว่า มีความสงสัยแบบไหน แค่ไหน หรือค่อยๆ คลายไปแค่ไหน เพราะเข้าใจเพิ่มขึ้น หรือยังอยากแต่จะสงสัย ฟังทุกเสาร์ทุกอาทิตย์ สงสัยทุกเสาร์ทุกอาทิตย์ แม้เรื่องที่ไม่มีใครสงสัย ก็ยังสงสัย เพราะฉะนั้น ตะปูตรึงใจแล้ว โดยไม่รู้ตัวเลย

    เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็เป็นผู้ฟังธรรมเพื่อเข้าใจ

    คุณนิรันดร์เจ้าโทสะหรือเปล่าคะ ขณะที่โทสะเกิด หยาบกระด้างหรืออ่อนโยน ตรึงใจไว้นานเท่าไร

    ผู้ฟัง บางทีชั่วโมง สองชั่วโมง

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ก็แล้วแต่ปัญญาใช่ไหมคะ ขณะที่ตะปูกำลังตรึงใจ ไม่มีทางหลุดจากการตรึงใจได้ แต่เมื่อไรฟังธรรมเข้าใจ หรือ ๒ -๓ วันต่อมาก็ยังสามารถเห็นความตามต่างระหว่างคำของผู้เป็นเจ้านาย ผู้บังคับบัญชา หรือคำของมิตรสหาย ซึ่งลองสลับกันซิ ลองเอามิตรสหายมาพูดคำของเจ้านาย และคำของเจ้านายไปให้มิตรสหายพูด เท่ากันหรือเปล่า คือ คำต้องเป็นคำ จริงต้องจริง แต่เพราะเหตุว่ามีความไม่รู้ และโทสะ ก็ตรึงใจไว้ ทำให้ไม่เห็นประโยชน์ของการเข้าใจสิ่งที่ได้ฟัง

    เพราะฉะนั้น ทั้งหมดก็อยู่ที่ปัญญา การฟังธรรมไม่ใช่ไปดูคนอื่น บางคนอย่างนั้น บางคนอย่างนี้ ก็เรื่องของเขา ใครทำได้ เขาไม่เข้าใจ เขาไม่สนใจ ใครจะไปทำอะไรได้ แต่สำหรับแต่ละคนที่ได้ฟังพระธรรม ฟังเพื่ออะไร ไม่ใช่ฟังเพียงเข้าใจ แล้วไม่ประพฤติปฏิบัติตาม เพราะบางคนเข้าใจ แต่ก็ยังเก็บโทสะ ความโกรธ ความผูกโกรธ แล้วความเข้าใจแค่ไหน ถ้าเป็นอย่างนั้น เทียบได้เลย ตราบใดที่ยังไม่ได้ถอนออก แปลว่ายังไม่มีกำลังของปัญญาพอที่จะคลาย หรือพอที่จะค่อยๆ เห็นโทษของโทสะ

    เพราะฉะนั้น คุณนิรันดร์ก็ทราบว่า สะสมอกุศลมา ความไม่รู้ก็มาก เพราะฉะนั้นฟังธรรมเพื่อจะเข้าใจขึ้น เพราะถ้าไม่เข้าใจ ก็ไม่สามารถพ้นจากตะปูตรึงใจได้เลย


    หมายเลข 9152
    19 ก.พ. 2567