คำถามทบทวนปรมัตถธรรม ๑


    ผู้ฟัง เอาความจริงเลย อย่างที่ปรากฏทางตา ว่าโมหะเกิดอย่างไร และที่ว่าเป็นสภาพรู้นั้นเป็นอย่างไร และจะดับเหตุ พิจารณาอย่างไร

    ท่านอาจารย์ จะดับเหตุเดี๋ยวนี้ก็คงยาก แม้แต่การที่จะให้ปัญญาเกิด ที่จะรู้สภาพธรรมในขณะนี้ก็ยาก แต่เราสามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น แต่ก็อยากขอเชิญตัวแทน หรือใครที่อาสา ที่จะทบทวนเรื่องนี้ เพราะว่าเรื่องของเหตุ บางคนบอกว่าเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่ว่าจริงๆ แล้วไม่ยาก ขอให้เราเพียงแต่แม่นยำ แล้วก็มั่นคง

    เพราะเหตุว่าธรรมทั้งหมดจะไม่เปลี่ยน ธรรมสภาพหนึ่งเป็นอย่างไร ก็จะเป็นอย่างนั้น จะไม่เปลี่ยนแปลงเลย เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจจริงๆ แล้ว และไม่ลืมก็จะทำให้ศึกษาพระธรรมได้ โดยไม่สับสน โดยตลอดด้วย ขอเชิญคุณวีระ เพราะว่าอยากจะทบทวน สำหรับผู้ฟังที่อาจจะมาใหม่ หรือว่ามาได้ไม่กี่ครั้ง เรากำลังพูดถึงสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรม ๔ มีอะไรบ้าง

    ผู้ฟัง ปรมัตถธรรม ๔ นี้ โดยหลักง่ายๆ ก็คือ มีรูป คือ สิ่งที่ไม่รู้อะไร กับอีกส่วนหนึ่ง ก็คือ มีนาม คือ สิ่งที่เป็นสภาพรู้ ได้แก่ จิต คือ เป็นสภาพรู้ แล้วก็เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้ เจตสิกก็เป็นสภาพรู้เหมือนกัน เป็นส่วนที่เกิดร่วมกับจิต สภาพรู้ ที่เราทราบ แล้วก็เกิดที่เดียวกับจิต แล้วก็ดับพร้อมกับจิต ในเจตสิกนี้มีหลายเจตสิก เจตสิกแต่ละเจตสิกนี้ ก็ทำหน้าที่ มีกิจเฉพาะของเขา เพราะฉะนั้นในจิต หรือหนึ่งดวงที่เรียกกัน ก็สามารถที่จะมีเจตสิกได้หลายๆ ดวง และเจตสิกที่เกิดโดยทั่วไปกับจิตหนึ่งดวง จะต้องมีเจตสิก ๗ ดวงเป็นสำคัญ นี่ก็เป็นหลักที่จะจำ ได้ ๓ แล้ว ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเราในประจำวัน ส่วนปรมัตถธรรมอีก ๑ ก็คือ นิพพาน ซึ่งเป็นสภาพนามธรรม ที่มีความละเอียดมาก เพราะฉะนั้นเราควรจะศึกษาเรื่องจิต เจตสิก และรูปเสียก่อน ที่จะไปรู้เรื่องนิพพาน

    ท่านอาจารย์ คุณประภัสสรช่วยตอบด้วยได้ไหม ในปรมัตถธรรม ๔ ซึ่งได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ปรมัตถธรรมใดเป็นเหตุ หรือ เห-ตุ

    ผู้ฟัง ปรมัตถธรรมที่เป็นเจตสิก เป็นเหตุสุด เฉพาะเจตสิกเท่านั้นที่เป็นเหตุได้ มีกี่เหตุ ทั้งหมด

    ผู้ฟัง ทั้งหมดมี ๖ เหตุ

    ท่านอาจารย์ เป็นเจตสิกทั้ง ๖ เหตุ หรือว่าเป็นจิตบ้าง เป็นรูปบ้าง เป็นนิพพานบ้าง

    ผู้ฟัง เป็นเจตสิกตั้ง ๖

    ท่านอาจารย์ นี่คือต้องยืนยัน ไม่ว่าใครจะถามว่าอย่างไรก็ตาม ให้ทราบว่าปรมัตถธรรมที่เป็นเหตุ ได้แก่ เจตสิกเท่านั้น และก็เป็นเจตสิก ๖ ดวง เพราะฉะนั้นเจตสิกอื่น จะเป็นเหตุไม่ได้เลย

    ผู้ฟัง เรียกว่า นเหตุ

    ท่านอาจารย์ เรียกว่า นเหตุ เพราะว่าปรมัตถธรรมเวลานี้ เรากำลังพูดแยกโดยเหตุ ปรมัตถธรรมมี ๔ จริง เราจะจำแนกได้โดยหลายนัย แต่วันนี้จะแยกโดยเฉพาะเรื่องเหตุอย่างเดียว ซึ่งต้องเข้าใจให้แจ่มแจ้ง แล้วก็ไม่หลงด้วย คือปรมัตถธรรมมี ๔ จริง แต่ปรมัตถธรรมที่เป็นเหตุ ได้แก่ เจตสิก ๖ ดวงเท่านั้น เพราะฉะนั้นอะไรเป็น นเหตุ บ้าง คุณวรรณี

    ผู้ฟัง รูปเป็น นเหตุ

    ท่านอาจารย์ อะไรอีก

    ผู้ฟัง แล้วก็นิพพาน

    ท่านอาจารย์ และอะไรอีก

    ผู้ฟัง เจตสิกที่เหลืออีก ๔๖

    ท่านอาจารย์ เจตสิกที่เหลือเอาออก ๖ เหลือ ๔๖ และอะไรอีก ถูกต้อง มีผู้ที่ตอบว่าจิต ๘๙ หรือ ๑๒๑ แสดงให้เห็นว่าเมื่อเจตสิก ๖ เป็นเหตุ เพราะฉะนั้นธรรมทั้งหมดที่เหลือที่เป็นปรมัตถธรรม ไม่ใช่เหตุ จึงเป็น นเหตุ ก็ได้แก่ จิตทุกดวง เจตสิก ๔๖ เว้น ๖ แล้วก็รูปทั้งหมดเป็น นเหตุ นิพพานเป็นเหตุหรือนเหตุ คุณวีระ

    ผู้ฟัง นิพพานเป็น นเหตุ

    ท่านอาจารย์ สบายมากใช่ไหม ตั้งตนให้แม่นยำ แล้วก็จะได้ไม่ลืม


    หมายเลข 9250
    20 ก.ย. 2567