คำถามทบทวนปรมัตถธรรม ๔
อ.กฤษณา ขอเรียนท่านอาจารย์สมพร ได้กล่าวถึง จิตที่มีเหตุประกอบ ๒ เหตุ
อ.สมพร จิตที่มีเหตุประกอบ ๒ เหตุ เช่น โลภมูลจิต จิต มีเหตุ คือ เจตสิก ๒ เหตุ คือ โลภเหตุ ๑ โมหเหตุ ๑ ประกอบกับจิต มี ๒ เหตุ แล้วก็โทสมูลจิต ๒ ดวง จิต ก็มีเจตสิกซึ่งเป็นเหตุ ๒ เกิดร่วมกับจิต คือ โทสเหตุกับโมหเหตุ มี ๒ ดวงเป็นอย่างนี้
ท่านอาจารย์ สำหรับอกุศลจิต ไม่ประกอบด้วยเหตุ ๓ เหตุเลย สำหรับทางฝ่ายอกุศล มีเหตุประกอบได้เพียง ๑ เหตุหรือ ๒ เหตุ ถ้าเป็นโมหมูลจิต จะมีเหตุประกอบเพียงเหตุเดียว ถ้าเป็นโลภมูลจิต ก็มีเหตุประกอบ ๒ เหตุ คือ โมหะกับโลภะ ถ้าเป็นโทสมูลจิต ก็มีเหตุประกอบ ๒ เหตุ คือ โมหะกับโทสะ นี่เป็นฝ่ายอกุศล ทางฝ่ายโสภณ ถ้าเป็นกามาวจรจิต ก็แบ่งออกเป็นฝ่ายที่ประกอบด้วยเหตุ ๒ และประกอบด้วยเหตุ ๓ ทั้งฝ่ายกุศล วิบาก กิริยา สั้นๆ
อ.กฤษณา เหตุ ๓ ที่ประกอบก็คือ เฉพาะโสภณเหตุ
ท่านอาจารย์ ที่มีปัญญาเจตสิกร่วมด้วย
อ.กฤษณา ก็คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ ข้อต่อไปถามว่า ทวิเหตุกจิต คือ จิตที่มีเหตุ ๒ ประกอบ
ท่านอาจารย์ ฝ่ายโสภณ
อ.กฤษณา ฝ่ายโสภณ ที่ปกติแล้วก็จะต้องเป็น อโลภเหตุกับอโทสเหตุ คุณสุพรรณีเคยถามว่า จะเป็นอโลภเหตุกับอโมหเหตุ หรืออโทสเหตุกับอโมหเหตุ จะเป็นไปได้ไหม เพราะเหตุใด
ท่านอาจารย์ หมายความว่าจะไม่ให้ประกอบ ๓ สำหรับฝ่ายที่มีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย จะให้ประกอบเพียง ๒ แล้วก็ให้สลับกันด้วย ใช่ไหม
อ.กฤษณา อย่างนี้เลย
ท่านอาจารย์ แทนที่จะให้มีอโลภะกับอโมหะ อโทสะ ก็จะให้เป็นอโทสะกับอโมหะ ได้ไหม ไม่ได้แน่นอน
อ.กฤษณา เพราะเหตุผล
ท่านอาจารย์ เพราะเหตุว่าการที่กุศลจิต พูดถึงเฉพาะกุศลก่อน เเล้วก็ชาติอื่นๆ ก็โดยนัยเดียวกัน สำหรับกุศลจิตที่จะเกิด ถ้ามีแต่เพียงอโลภเจตสิก ไม่มีอโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วย เป็นกุศลไม่ได้
อ.กฤษณา เป็นกุศลไม่ได้
ท่านอาจารย์ เป็นกุศลหรือเป็นโสภณไม่ได้ เพราะเหตุว่าขณะใดก็ตาม ที่จิตประเภทที่ดีงาม ขอยกตัวอย่างเฉพาะกุศลเกิด จะต้องประกอบทั้งอโลภเจตสิก และอโทสเจตสิก ถ้ามีอโลภะ แล้วก็มีโทสะ ก็ไม่ได้
อ.กฤษณา ไม่ได้
ท่านอาจารย์ แล้วจะให้ไม่มีอโทสะก็ไม่ได้ ต้องมีทั้งอโลภะ และอโทสะ จิตจึงจะเป็นกุศลในขณะนั้น เพราะฉะนั้นขณะใดที่เป็นกุศล ให้ทราบว่าขณะนั้น ไม่มีทั้งโลภะ และโทสะ และต้องมีทั้งอโลภะ อโทสะ
อ.กฤษณา แน่นอนที่ว่าจะต้องมีอโลภะ และอโทสะ เพราะว่าทั้งสองนี้เป็นโสภณสาธารณะ จะต้องเกิดกับโสภณจิต
ท่านอาจารย์ เวลาที่กุศลจิตของแต่ละคนเกิด อาจจะไม่รู้ตัว แต่ให้ทราบว่าขณะนั้น มีอโลภเจตสิก กับอโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วยแล้ว แต่ยังไม่มีปัญญาเจตสิกหรืออโมหเจตสิกเกิดร่วมด้วย นอกจากขณะที่มีปัญญาเจตสิกเกิดเท่านั้น จึงจะเป็น ๓ เหตุ