กุศลฌาน - อกุศลฌาน ๒


    ผู้ฟัง อยากจะขอให้สรุป ความแตกต่างระหว่าง กุศลฌานกับอกุศลฌาน ว่า อยู่ที่สติกับญาณหรือเปล่า

    ท่านอาจารย์ ต้องประกอบด้วยอกุศลเจตสิก ก็เป็นอกุศลฌาน

    ผู้ฟัง แต่ไม่ได้เกี่ยวกับสติหรือญาณเลย ใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ เกี่ยวกับการที่เราจะรู้ว่า ฌาน หมายความถึงอะไร และก็ไม่ใช่แต่เฉพาะกุศลอย่างเดียว อกุศลก็มีด้วย

    ผู้ฟัง ขอกราบเรียนถามความเห็นนะครับ ผมคิดว่าบุคคลที่ได้ฌานนั้น มักจะไม่รู้ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล จนกว่าจะได้ฟังพระธรรม จากพระผู้มีพระภาค

    ท่านอาจารย์ อันนี้ไม่ถูกต้อง

    ผู้ฟัง ไม่ถูกต้อง

    ท่านอาจารย์ ที่ว่าไม่ถูก เพราะเหตุว่า ต้องเป็นญาณสัมปยุตต์ ที่จะไม่รู้เป็นไปไม่ได้เลย แล้วที่จะรู้ผิดก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นเวลาที่ใครก็ตาม เข้าใจว่าตัวเองได้ฌานหรือทำฌาน แต่ไม่ประกอบด้วยปัญญา หรือไม่ใช่ปัญญา แต่หลงไปว่าตัวเองได้ เพราะขณะนั้นไม่ใช่มหากุศลญาณสัมปยุตต์ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีทางที่จะเป็นอัปปนาสมาธิหรือว่าฌานจิตได้เลย

    นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ผู้นั้นเป็นผู้ที่รู้ ต้องประกอบด้วยปัญญา พร้อมสติสัมปชัญญะ นี่เป็นกรณีพิเศษ คือว่ากุศลอื่นทำได้ ไม่ว่าจะเป็นทานหรือศีล ไม่ใช่ญาณสัมปยุตต์ คือ ไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยก็ได้ แต่ว่าสำหรับภาวนากุศลจริงๆ ถ้าไม่ใช่ประกอบด้วยปัญญาแล้ว เป็นอกุศล ไม่ว่าจะทำสมาธิระดับไหนก็ตาม เพราะเหตุว่าไม่ประกอบด้วยปัญญา และอีกประการหนึ่งคือแม้ก่อนที่พระผู้มีพระภาค จะประสูติ ตรัสรู้ ทรงแสดงธรรม ผู้ที่บรรลุฌานจิตจริงๆ ที่เป็นกุศลจริงๆ ก็มี ไม่ใช่ว่าต้องไปฟังพระธรรมเสียก่อน

    นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเรื่องของปัญญา เป็นเรื่องของการรู้ถูกต้อง ตามระดับขั้นของปัญญานั้นๆ

    อ.สมพร ผมขอพูดย้อนต้นนิดหนึ่ง ฌาน ๕ มีองค์ ๕ โลภะก็มีฌาน มีองค์ ๕ เหมือนกัน โลภะเกิด มีวิตก วิจาร เมื่อโสมนัสมี ปิติก็มี ก็มีพร้อม มีวิตกวิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา ก็คือ เอกัคคตาที่เป็นเจตสิก เป็นอกุศลฌาน ก็มีองค์ ๕ เหมือนกัน

    ผู้ฟัง ผมรู้สึกว่าเป็นการยากพอสมควร จะแยกระหว่างอกุศลฌาน กุศลฌาน เพราะว่าดังที่อาจารย์สมพรท่านได้กล่าว เป็นข้อที่น่าคิดจริงๆ และผมคิดว่าเพราะเหตุใดจึงต้องเจริญอริยมรรค ผมคิดว่าการเจริญอริยมรรคนี้ ทำให้ปัญญาเกิดขึ้น และรู้สภาวะที่เป็น คือ รู้ลักษณะของนิพพานนั่นเอง ว่ามันเป็นอย่างไร และก็ร่วมกับองค์ฌานที่เกิดขึ้น ปัญญาก็สามารถที่จะเปลี่ยนสภาวะจากอกุศลนั้น ให้กลับคืนสู่กุศลได้

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นที่ต่างกัน ก็คือว่าอกุศลฌานนั้น ประกอบด้วยอกุศลเจตสิก และทางฝ่ายที่เป็นกุศล ต้องประกอบด้วยโสภณเจตสิก เพราะฉะนั้นขณะที่ใครก็ตาม พยายามที่จะจดจ้อง อยู่ที่หนึ่งที่ใด ขณะนั้นมีเอกัคคตาเจตสิกเป็นสมาธิ แต่ไม่มีสติสัมปชัญญะ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีทางที่จะเป็นกุศลฌานเลย แต่ตัวเองอาจจะเข้าใจว่า ขณะนั้นกำลังทำฌาน หรือว่าเป็นฌาน หรือว่าถึงฌาน แต่ความจริงแล้ว ไม่ประกอบด้วยโสภณเจตสิก

    ผู้ฟัง ธรรมที่เป็นกุศล ที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา มีไหม

    ท่านอาจารย์ เรื่องอกุศลสมาธิหรืออกุศลฌาน ไม่มีปัญหา ว่าเป็นโลภมูลจิตแน่นอน เป็นอกุศลแน่นอน ผู้ถามสงสัยว่า ถ้าเป็นมหากุศลญาณวิปปยุตต์ คือไม่ใช่ญาณสัมปยุตต์ แล้วเขาทำสมาธิ จะได้ไหม

    อ.สมพร ทำสมาธิได้ แต่ไม่ถึงอัปปนาสมาธิ ถ้าไม่ประกอบด้วยปัญญา จะไม่ถึงเลย

    ท่านอาจารย์ ทำอย่างไร มหากุศลญาณวิปปยุตต์ ทำสมาธิ

    ผู้ฟัง คิดในแง่ว่า เขาทำด้วยความไม่เข้าใจ

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่เข้าใจ ก็จะเป็นกุศลไม่ได้อยู่แล้ว

    ผู้ฟัง จะเป็นโลภะไปแน่นอน

    ท่านอาจารย์ สมาธิ มีแน่นอนกับจิตทุกดวง ไม่ว่าจะเป็นกุศล อกุศลใดๆ ก็ตาม ถ้าสมาธินั้นเกิดกับอกุศลจิต ร่วมกับอกุศลเจตสิก ก็เป็นอกุศลสมาธิ ถ้าเกิดกับกุศล ไม่ว่าจะมีปัญญาเกิดร่วมด้วย หรือไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย ก็เป็นกุศลสมาธิอยู่แล้ว แต่ว่าเขาจะไปเจริญสมถภาวนาไม่ได้ ถ้าไม่ประกอบด้วยปัญญา แต่ว่าเวลาที่กุศลจิตเกิด เอกัคคตาเกิดร่วมกับโสภณเจตสิก ก็เป็นฝ่ายกุศลอยู่แล้ว กุศลสมาธิ แต่จะไปทำฌานไม่ได้


    หมายเลข 9257
    18 ก.ย. 2567