ใส่ใจในนิมิตอนุพยัญชนะ
ผู้ฟัง ขออนุญาตถามหน่อย มีพระบอกว่า เวลาเจอผู้หญิง อย่ามอง ถ้าจำเป็นต้องมอง ก็อย่าพูด ถ้าจำเป็นต้องพูด ก็อย่าอะไร ผมจำไม่ได้แล้ว
ท่านอาจารย์ คือทั้งหมดเป็นชีวิตประจำวัน เราจะสังเกตได้ว่า เวลาที่เราเดินไป เราก็เห็น อยู่ที่ความสนใจว่า เราใส่ใจเพียงในนิมิต หรือว่าในอนุพยัญชนะด้วย แม้แต่เวลาที่ซื้อของในตลาด เราก็ต้องดูผลไม้นี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เพียงแต่เห็นว่า เป็นแต่ผลไม้ แต่ยังต้องดูว่า เสียหรือเปล่า ตรงนั้นตรงนี้เป็นอย่างไร ผักปลาทั้งหลาย นี่คือชีวิตประจำวัน แล้วการที่ไม่ติดในนิมิตอนุพยัญชนะด้วยปัญญา ไม่ใช่ว่าโดยความไม่รู้อะไรเลย ก็ไปพยายามไม่ติดๆ ซึ่งไม่จริง แต่ว่าถ้าปัญญาสามารถที่จะเข้าใจสภาพธรรมนั้นถูกต้องตามความเป็นจริง จะรู้ความจริงว่า สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ไม่ว่าจะเป็นนิมิต เป็นอนุพยัญชนะ ที่เคยสนใจ เคยพอใจทั้งหมด ตามความเป็นจริงแล้วก็คือสิ่งที่จิต ซึ่งเป็นสภาพรู้กำลังเห็นสิ่งนั้น ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ดับ
ผู้ฟัง อย่างไรก็แล้วแต่การมองเห็นก็จะต้องใช้เวลาส่วนหนึ่ง ก็พินิจพิจารณาว่า อนุพยัญชนะมีอะไรบ้าง
ท่านอาจารย์ ก็แล้วแต่บุคคล เพราะบางคนตาไวมาก อาจจะใช้เวลาน้อยกว่าคนอื่น แต่ข้อสำคัญก็คือว่า จะเห็นละเอียดเท่าไร หรือไม่ละเอียดเท่าไรก็ตาม จะใช้เวลาน้อยหรือมากก็ตาม ตราบใดที่ไม่รู้ความจริงว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา ที่จะไม่ให้ติดในสิ่งนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็รวมทั้งนิมิต และอนุพยัญชนะ คือ ไม่ว่าจะเห็น โดยเพียงนิมิต หรือว่าโดยอนุพยัญชนะ แต่ก็จะต้องรู้ความจริงของสภาพธรรม
ผู้ฟัง สรุปแล้ว ติดในนิมิต อนุพยัญชนะ คือ ไม่ให้ไป
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ไม่ให้ ให้รู้ความจริง ทำไม่ได้ ใครบอก ก็ทำไม่ได้ นอกจากอบรมเจริญปัญญาขึ้น แล้วปัญญาก็จะทำหน้าที่รู้แล้วละ อย่างอื่นทำหน้าที่ของปัญญาไม่ได้ อย่างอื่นจะทำหน้าที่รู้ความจริงของสภาพธรรมไม่ได้ เมื่อไม่รู้สภาพความจริงก็ละไม่ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่หน้าที่ของสภาพธรรมอื่น แต่ต้องเป็นหน้าที่ของปัญญา