ทนด้วยความไม่รู้
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ยิ่งฟังจะยิ่งรู้ว่า ความไม่รู้นี่แค่ไหน ไม่ต้องไปหวังเป็นพระโสดาบัน เข้าใจธรรมขึ้น ไม่ว่าจะมีโอกาสได้ยินได้ฟังอีกเมื่อไร การเข้าใจวันนี้ก็สามารถทำให้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริงขึ้น ถ้าคิดจะเป็นพระโสดาบัน พร้อมที่จะเกิดอีกเพียง ๗ ชาติหรือเปล่าคะ ไม่เกินนั้นด้วย พร้อมไหมคะ ไม่พร้อม ตามความเป็นจริง แต่ถ้าปัญญาถึงขณะนั้น เปลี่ยนได้ไหมคะ ไม่ได้
เพราะฉะนั้น เห็นความต่างกันของวิชชากับอวิชชา ๗ ชาติสำหรับผู้เป็นพระอนาคามี ไม่ต้องการแล้ว สำหรับผู้ที่จาก ๗ ชาติเหลืออีกเพียง ๑ ชาติ แม้ ๑ ก็ยังไม่ต้องการเพราะปัญญา แต่ถ้าไม่มีปัญญาถึงระดับนั้น ๗ ชาติก็น้อยไปหรือเปล่า น้อยไปใช่ไหมคะ ถ้าเป็นปุถุชนก็ยิ่งเท่าไรก็ได้ ไปเรื่อยๆ แต่ไปเรื่อยๆ ที่ไหน นรก หรือว่าเป็นเปรต ดีไหมคะ เลือกไม่ได้ ทนได้ ทนกันมาแล้วมากด้วยความไม่รู้ และจะทนต่อไป ทนอะไรคะ ทนเห็น ต้องเห็น ทนได้ยิน ทนได้กลิ่น ทนลิ้มรส ทนคิดเรื่องต่างๆ แล้วก็จำอะไรไม่ได้เลย เพราะจากโลกนี้ไปแล้ว จากทุกสิ่งทุกอย่างไป แล้วก็ไปเห็นใหม่ ได้ยินใหม่ ไม่ออกจากกรงของสังสารวัฏฏ์
อ.อรรณพ ต้องทนเห็นอย่างไรครับ ก็ยังไม่รู้สึกเลย เห็นก็เห็น ก็ไม่เห็นต้องทนอะไร คิด ก็ชอบคิดไปในสิ่งที่อยากคิด
ท่านอาจารย์ ไม่จบ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ชอบไหม
อ.อรรณพ เพราะฉะนั้น จะเหลือ ๗ ชาติได้อย่างไร
ท่านอาจารย์ แปลว่าชอบทำงาน เห็นก็เป็นงานเห็น ได้ยินก็เป็นงานได้ยิน ขยันมาก คือทำงานตลอดตั้งแต่เกิดจนตายทุกภพทุกชาติ งานได้ยิน งานได้กลิ่น งานคิดนึก ขยัน
อ.อรรณพ แล้วก็ยังไม่คิดเลิกงาน
ท่านอาจารย์ ลองคิดลึกๆ คิดดีๆ เห็นเพียงแค่เห็นสิ่งที่ปรากฏ แล้วก็หมดทั้งสิ่งที่ปรากฏ และเห็น ประโยชน์อะไรที่จะเห็น ได้ยินก็มีเสียง แค่เสียงปรากฏ ทั้งได้ยิน และเสียงที่ได้ยิน ก็ดับไป ไม่เหลืออะไรเลย แล้วประโยชน์อะไร ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เกิดจนตายทุกชาติ เพลินดีหรือคะ ถ้าสิ่งนั้นเที่ยง ไม่ดับไป ก็ยังดูเป็นประโยชน์ แต่นี่เพียงเกิดได้ยิน เสียงปรากฏ แล้วทั้งได้ยิน และเสียงก็ดับไป ไม่เหลือเลย แล้วได้ยินทำไม
เพราะฉะนั้น ที่อยากจะเป็นพระโสดาบันหมายความว่าจะเกิดอีกเพียง ๗ ชาติ อยากไหม