ที่เข้าใจได้เร็ว เพราะว่าเคยเข้าใจแล้ว
สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๑๒
ผู้ฟัง ผมตั้งแต่พบอาจารย์ ๒๔๘๕ เท่าเดี๋ยวนี้ ฟังแล้วอ่านแล้ว ก็เหมือนกันติดข้องในเรื่องแจ้ง คือเรื่องแจ้งนี้แหละ ... แต่ว่าพยายามอยู่
ท่านอาจารย์ ถูกต้อง คือความจริงเป็นอย่างไรต้องเป็นอย่างนั้น นี่แสดงให้เห็นว่าเราไม่ใช่เพิ่งเกิดมีอายุเท่านี้ๆ แสนโกฏิกัปป์มาแล้ว สภาพของจิตเป็นธาตุที่วิจิตรจริงๆ อัศจรรย์จริงๆ เพราะเหตุว่าเป็นนามธาตุซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วดับไป สภาพของจิตมี กำลังมีในขณะนี้ เป็นปัจจัยให้ทันทีที่จิตขณะนี้ดับ ทำให้จิตขณะต่อไปเกิด ยับยั้งไม่ได้เลย ความเป็นสติ หรือพลัง หรือความสามารถ หรือความวิจิตรอันนี้ ชื่อว่า “อนันตรปัจจัย“ หมายความว่า ทำให้สภาพธรรม คือ จิต และเจตสิกต่อไปเกิดโดยไม่มีระหว่างคั่นเลย สืบต่อติดกันทันที
เพราะฉะนั้น จะหมดความสงสัยในเรื่องตายแล้วเกิด เพราะว่าขณะนี้จิตก็ตาย จิตขณะก่อนตาย แล้วจิตขณะนี้ก็เกิด แล้วจิตเดี๋ยวนี้ก็ตาย จิตขณะต่อไปเกิด ก็เป็นอย่างนี้เรื่อยมา
เพราะฉะนั้น เป็นแต่เพียงสมมติว่า ตายชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ โดยกรรมก็ทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดอีก แล้วจิตต่อๆ ไปก็เกิดสืบต่อจนกว่าจะจุติ แล้วก็ปฏิสนธิต่อไป ก็เป็นเรื่องของธาตุ ซึ่งธาตุนี้มีลักษณะอย่างนี้ เป็นอนันตรปัจจัยอย่างนี้ ใครจะเปลี่ยนแปลงธาตุนี้ไม่ได้ เหมือนอย่างกับธาตุไฟก็ร้อนหรือเย็น จะเปลี่ยนธาตุไฟให้เป็นแข็งก็ไม่ได้ เพราะว่าแข็งไม่ใช่ลักษณะของธาตุไฟ แต่เป็นลักษณะของธาตุอีกชนิดหนึ่ง คือธาตุดิน
ผู้ฟัง เดี๋ยวนี้ผมพอมองเห็น จะรู้อยู่ในระหว่างกลางคืนว่า แสงสว่างยังไม่เกิด แต่ผมยังปรึกษาว่า มีเวลาหนึ่ง ตะวันขึ้นมาผมจะได้เห็น
ท่านอาจารย์ ค่ะ เวลานี้มีแสงรำไร แต่ยังไม่สว่างชัด ที่ได้ฟัง น้อยคนที่จะได้ยินได้ฟัง เพราะว่าจริงๆ แล้วทุกคนก็มีหู บางทีก็ได้ยินเสียงรถไฟ บางทีก็ได้ยินเสียงดนตรี เสียงเพลง เสียงสารพัดอย่าง แต่เสียงที่จะทำให้เข้าใจสภาพธรรม ไม่ใช่ว่าสำหรับทุกคน ต้องเป็นคนที่เคยสะสมบุญในอดีต จึงเป็นปัจจัยให้ได้ยินเสียงที่เป็นปัจจัยให้เข้าใจสภาพธรรมได้ แล้วแม้ว่าจะเป็นเสียงที่เป็นเรื่องธรรม แต่ถ้าไม่มีการสะสมศรัทธา ไม่มีความสนใจก็ผ่านไป ไม่ว่าจะได้ยินเรื่องของนามธรรมรูปธรรม ก็ไม่เห็นว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ
เพราะฉะนั้น ต้องอาศัยการสะสมศรัทธา แล้วก็โสภณเจตสิกอื่นๆ ที่จะทำให้เป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของการฟัง แล้วก็รู้ว่า เป็นสิ่งที่ล้ำค่า เพราะเหตุว่าทรัพย์สินเงินทองก็เอาติดตัวไปไม่ได้ แม้สักสตางค์เดียว ก็เอาไปไม่ได้ แต่ว่าสิ่งที่เกิดในขณะนี้ เป็นความเข้าใจจะสืบต่ออยู่ในจิตไปทุกขณะ เพียงแต่ว่าจะมีปัจจัยที่จะให้เจริญเติบโตขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่ไม่สูญหาย ทุกอย่างจะสะสมไว้ในจิตแต่ละขณะ ถ้าโกรธขณะหนึ่ง แม้จิตที่โกรธดับ เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิด แม้ว่าจิตโกรธดับ ก็มีเชื้อผ่านไปถึงจิตขณะต่อไปที่จะทำให้มีความโกรธเกิดขึ้นอีกต่อไป
เพราะฉะนั้น ถ้าใครเกิดมีความชอบยินดี ติดข้องในสิ่งใด เห็นความจริงเลย เพราะยังไม่ได้ดับเชื้อ ยังไม่ได้ดับอกุศล ยังไม่ได้ดับโลภะ ไม่ว่าอกุศลใดๆ จะเกิด ก็เพราะเหตุว่ามีเชื้อนั้นอยู่ จึงทำให้เกิดขึ้นได้ ถ้าเวลาที่ฟังธรรมแล้วเข้าใจ ต่อไปก็อาจจะเข้าใจเร็วขึ้น เพราะว่าเคยเข้าใจมาแล้ว
เพราะฉะนั้น ก็รู้ได้ว่า ที่เข้าใจได้เร็ว เพราะว่าเคยเข้าใจแล้ว เหมือนกับว่าเราเริ่มเรียนหนังสือ วันแรกที่เราไปโรงเรียน เราก็อ่านอะไรไม่ออกสักตัวหนึ่ง วันต่อๆ มาก็ค่อยๆ อ่านได้ทีละตัว ๒ ตัว เดี๋ยวนี้ไม่ต้องนั่งสะกด พอเห็นก็อ่านได้ การสะสมก็ทำให้เป็นอย่างนี้