สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๕๑
สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๕๑
ผู้ฟัง อาจารย์ครับ หทยรูปเป็นที่เกิดของจิตไหมครับ เกิดดับอยู่บ่อยๆ แล้วไม่ทราบว่า รูปแต่ละรูปเกิดขึ้น อุปาทขณะของจิตนั้นหมายความว่า ในขณะนี้จะมีหทยรูปเกิดขึ้นซ้อนๆ กัน อย่างนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ
ท่านอาจารย์ เกิดแล้วก็ดับไปเลย เพราะว่า ๑๗ ขณะ ลองคิดดู ระหว่างจิตเห็นกับจิตได้ยินเกิน ๑๗ ขณะแล้วรูปอะไรจะเหลือ รูปอะไรก็ตามที่เกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับไปเลย จนกว่าขณะใดที่มีการระลึกรู้ลักษณะของรูปหนึ่งรูปใด ก็จะรู้จริงๆ ว่า รูปอื่นไม่มี ในเมื่อรูปนั้นปรากฏกับจิต ขณะนั้นจิตกำลังรู้เฉพาะรูปนั้น รูปอื่นจะไม่มีเลย เพราะฉะนั้น ไม่เหลืออะไร ที่ว่าเป็นเราตลอดชีวิตมา กำลังนั่งอยู่ที่นี่ เห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็คือ ชั่วขณะหนึ่งที่จิตเกิดแล้วรู้ อย่างอื่นไม่ปรากฏร่วมด้วยเลยที่นั้น ความเป็นอัตตา หรือเป็นเรา จึงค่อยๆ หมดสิ้นไปได้ เพราะเหตุว่ามันไม่มีอะไร เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้น แต่ปัญญาของเราจะตามพิจารณาได้ไหม ในเมื่อขณะนี้ที่เห็น ปอดใครปรากฏบ้าง เท้าใครปรากฏบ้าง หัวใจใครปรากฏบ้าง ก็มีแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏทางตากับเห็น ความจริงอย่างนี้ การประจักษ์แจ้งอย่างนี้ แล้วไม่มีสัญญา ความจำ เหลืออยู่ว่าเป็นเรา ด้วยวิปัสสนาญาณตามลำดับขั้น จึงสามารถที่จะสละคืนความเป็นเราจากสภาพธรรมที่กำลังปรากฏกับขันธ์ทั้งหมด
ผู้ฟัง ขณะที่จิตเห็นเกิดขึ้น จักขุปสาทรูปเกิด มีอยู่ แต่ว่าไม่มีโสตปสาทรูป แต่ว่าโสตปสาทรูปก็เกิดอยู่เหมือนกัน แต่ว่าไม่ทำหน้าที่
ท่านอาจารย์ รูปใดที่เกิดจากกรรม กรรมก็ทำให้รูปนั้นเกิด แต่ข้อสำคัญคือไม่ได้ตั้งยั่งยืนให้เราไปคอยรู้ว่า นี่เป็นปสาทรูป ก็อย่างที่ว่า เกิดแล้วดับ เร็วแค่ไหน ระหว่างจิตเห็นกับจิตได้ยินเกิน ๑๗ ขณะ แต่ปรากฏกับเราเหมือนพร้อมกัน ชั่วขณะที่ว่าเราพร้อมกัน คือ รูปดับไปแล้ว รูปใดที่เกิด รูปนั้นก็ดับไปแล้ว ไม่มีอะไรเหลือที่จะให้ไปรู้ จนกว่าสติระลึกที่ลักษณะของรูปใดที่ปรากฏ ขณะนั้นจะมีแต่เฉพาะรูปนั้นที่ปรากฏจริงๆ แต่ความจำของเราที่เป็นอัตตสัญญามากมายเหลือเกิน แม้ไม่มีขณะนี้ ไม่มีก็ยังจำว่ามี
ผู้ฟัง รูปที่มีกรรมเป็นสมุฏฐานเกิดทุกอนุขณะจิต เพราะฉะนั้น ขณะที่จิตมากระทบเกิดขึ้นกระทบอารมณ์ใดหรือไม่ก็ตาม
ท่านอาจารย์ เกิดจริง ดับแล้ว หมดเลย ไม่ใช่เกิดแล้วไม่ดับ เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ เมื่อไม่ปรากฏ สิ่งนั้นก็ไม่มี เพราะว่าไม่ปรากฏโดยดับแล้ว ขณะใดก็ตาม ขณะนี้ ขณะที่กำลังเห็น โสตปสาทก็เกิด แต่ดับ เกิดดับ เกิดดับ เกิดดับ ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่ามี ยังอยู่ แต่เกิดแล้วดับ แล้วก็เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ
ทีนี้ที่เราบอกว่ากัมมชรูปเกิดทุกอนุขณะของจิต คือ ในอุปาทขณะของจิต กัมมชรูปก็เกิด ฐีติขณะ กัมมชรูปก็เกิด ภังคขณะ กัมมชรูปก็เกิด แล้วเวลาที่ไม่มีจิต กัมมชรูปเกิดไหมคะ
ผู้ฟัง ถ้าไม่มีจิต ก็เพระว่ารูปนั้นมีกรรมเป็นสมุฏฐาน ก็น่าจะยังเกิดอยู่
ท่านอาจารย์ แล้วก็ทุกขณะของจิตหรือเปล่า
ผู้ฟัง ทุกอนุขณะของจิต
ท่านอาจารย์ กัมมชรูปยังเกิดทุกอนุขณะของจิตหรือเปล่า
ผู้ฟัง ไม่ทราบ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น เรื่องของการที่เราจะใช้แสดงว่า จิตเกิดเมื่อไรก็ตาม หรือจิตมีอายุเท่าไรก็ตาม ก็คืออาศัยจิต แต่ถึงแม้ไม่อาศัยจิต กัมมชรูปต้องเกิดอย่างนั้น อย่างนั้น อย่างนั้น เพียงแต่เมื่อมีจิตมาเทียบเราก็บอกว่า ทุกอนุขณะของจิต แต่ถึงแม้ไม่มีจิต กัมมชรูปก็ต้องเกิดอย่างนั้น อย่างนั้น
ผู้ฟัง แต่จริงๆ แล้ว ไม่มีขณะใดเลยใช่ไหมครับที่จิตจะไม่เกิด
ท่านอาจารย์ นิโรธสมาบัติ เป็นขณะที่จิต เจตสิกไม่เกิด สำหรับพระอนาคามีหรือพระอรหันต์ที่ได้ปัญจมฌาณ ต้องประกอบทั้ง ๒ อย่าง ขณะนั้นจิตตชรูปไม่มี แต่กัมมชรูปมี เพราะกัมมชรูปมีกรรมเป็นสมุฏฐาน