สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๕๕
สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๕๕
เพราะฉะนั้น ในชีวิตของเราที่เราศึกษาพระธรรม เราจะไม่พูดลอยๆ เรื่องกรรม เรื่องวิบาก อย่างที่เราเคยพูดมาแล้ว แต่เราจะต้องรู้ว่า ได้แก่ปรมัตถธรรมอะไร เพราะว่าจะศึกษามากอีกเท่าไร ก็ไม่พ้นจากปรมัตถธรรม ๔ ต้องกลับมาหาปรมัตถธรรม ๔ ต้องรู้ว่า เป็นจิต หรือเป็นเจตสิก หรือเป็นรูป หรือเป็นนิพพาน ถ้าได้ยินคำว่า “อายตนะ” ต้องรู้เลยว่า ได้แก่ ปรมัตถธรรมอะไร ได้ยินคำว่า อริยสัจได้แก่ปรมัตถธรรมอะไร เพราะเรารู้แล้วว่า จริงๆ แล้วย่อลงไปหมดก็เหลือเพียงสภาพธรรม ๔ อย่างคือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เกินนี้มีไหมคะ ไม่มี แน่ใจนะคะ ไปแสวงหาทั่วโลก นอกโลก เหนือโลก ที่ไหนก็นามธรรมกับรูปธรรม เพราะผู้ที่ตรัสรู้ไม่ผิด รู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้น
ยังมีอีกชาติหนึ่ง คือ กิริยา เพราะว่ากุศล อกุศล เป็นเหตุที่จะให้เกิดวิบากซึ่งเป็นผล ถ้าพูดถึงวิบากต้องพูดเต็ม กุศลวิบากเพราะว่าเป็นผล อกุศลวิบากเป็นผล แต่ถ้าพูดถึงกุศลสั้นๆ ต้องเป็นเหตุ อกุศลเฉยๆ ก็ต้องเป็นเหตุ จิตที่เป็นเหตุไม่ใช่จิตที่เป็นผล
เพราะฉะนั้น ก็น่าคิดว่า ในชีวิตของเรา เราพูดเรื่องกรรม เราพูดถึงผลของกรรม แล้วเมื่อไรที่เราจะรู้ว่า ขณะไหนเป็นกรรม ขณะไหนเป็นผลของกรรม พูดไปๆ เราก็ไม่รู้ว่าขณะไหน แต่พระพุทธศาสนาจากการตรัสรู้ เป็นการตรัสรู้จริงๆ เพราะฉะนั้น ก็ย่อยลงเป็นแต่ละขณะจิตซึ่งเร็วมาก ก็จะทราบได้จากการศึกษาว่า ขณะแรกที่เกิดเป็นจิตประเภทไหน ลองเดาสำหรับคนใหม่ คนเก่ารู้แล้วแน่นอน จิตที่เกิดขณะแรก จิตมี ๔ ชาติ กุศล อกุศล วิบาก กิริยา เมื่อกี้คงจะยังไม่ได้พูดถึงกิริยาจิตละเอียด แต่ให้ทราบว่า กิริยาจิต คือ จิตที่ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล ไม่ใช่วิบาก มีจิตอีกประเภทหนึ่ง แต่ตอนนี้เรากำลังมุ่งไปที่เหตุกับผล คือ กุศล อกุศล แล้วก็วิบากก่อน กิริยาเอาไว้ทีหลังก็ได้ แต่ให้ทราบว่ามีจิตประเภทหนึ่ง
เพราะฉะนั้น ขณะไหนที่เป็นวิบาก ขณะที่เกิดขณะแรกต้องเป็นจิตที่เกิด ถ้ามีแต่รูปเกิด ไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิต สิ่งที่มีชีวิตทุกชีวิตในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ต้องมีจิตเกิดพร้อมกับเจตสิก คือ สิ่งที่เราเรียนแล้วเราทิ้งไม่ได้ ถ้าเราเรียนมาตั้งแต่ต้นว่า จิตจะเกิดตามลำพังไม่ได้ ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วยทุกครั้ง หรือเจตสิกจะเกิดโดยไม่มีจิตไม่ได้ ต้องมีจิตเกิดทุกครั้ง
ขณะแรกที่เป็นผลของกรรม คือเมื่อไรคะ ขณะเกิดค่ะ ขณะเกิดค่ะ เกิดมาเป็นจิ้งหรีด เห็นไหมคะ เราเลือกเกิดไม่ได้เลย จิ้งหรีดก็จะเลือกเกิดเป็นจิ้งหรีดก็ไม่ได้ แล้วแต่กรรมจะทำให้เกิด เพราะฉะนั้น มนุษย์ก็ต่างกันไปตั้งแต่รูปร่างผิวพรรณหน้าตา เพื่อนฝูง วงศ์สกุล ยศถาบรรดาศักดิ์ แล้วกรรมก็จำแนกจำกัดด้วยว่า ในชาตินั้นจะมีอะไรที่จะเป็นผลของกรรมด้วย แต่ให้ทราบว่าผลของกรรมขณะแรก คือ ขณะที่เกิด ปฏิสนธิจิตเกิด แล้วถ้ากรรมให้ผลเพียงแค่จิตขณะเดียว ไม่พอ ทำกรรมด้วยจิตตั้งเยอะแยะ เสร็จแล้วให้ผลเป็นแค่ปฏิสนธิจิตไม่ได้
เพราะฉะนั้น ในชีวิตของเรา ถ้าจะแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วนหนึ่งเป็นผลของกรรม อีกส่วนหนึ่งคือกรรมที่จะให้เกิดผลข้างหน้า
เพราะฉะนั้น ก็ต้องทราบให้ชัดเลย ว่า กรรมทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดชั่วขณะเดียว ขณะแรกของชีวิต ชื่อว่า “ปฏิสันธิ” เพราะเหตุว่าสืบต่อจากจุติจิตของชาติก่อน