สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๕๘
สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๕๘
ผู้ฟัง ที่ว่ากุศลธรรมกับอกุศลธรรม แล้วก็อัพยากตธรรมเป็นเหตุที่จะพยากรณ์ ผล ใช่ไหมคะ
ท่านอาจารย์ พูดถึงธรรม แล้วจะไม่เว้นอะไรเลย กว้างมาก อย่างเวลาที่พูดถึงปรมัตถธรรมครอบงำหมดเลย ไม่ว่าในอดีต รูปก็เป็นรูป นามในอดีตก็เป็นนาม เปลี่ยนไม่ได้
เพราะฉะนั้นเวลาที่พูดถึงกุศลธรรมก็หมายความถึงธรรมที่เป็นกุศลทั้งหมด ไม่ว่าจะในโลกนี้ บนสวรรค์ หรือพรหมโลก กุศลธรรมก็เป็นกุศลธรรม
ผู้ฟัง ที่อาจารย์ใช้ว่ารูป ก็มีรูปที่ดี แล้วก็รูปที่ไม่ดี คือ รูปที่เป็นผลของกุศล รูปที่เป็นผลของอกุศล แต่ว่ารูปไม่เป็นอัพยากตธรรม
ท่านอาจารย์ รูปเป็นอัพยากตธรรม เพราะเหตุว่ารูปไม่รู้อะไรเลย รูปจะเป็นกุศลไม่ได้ จะช่วยเหลือใครไม่ได้ จะเมตตาใครไม่ได้ เพราะไม่ใช่สภาพรู้
ผู้ฟัง แต่มันเป็นผล
ท่านอาจารย์ เป็นผลของกรรมได้ แต่ไม่ใช่วิบากค่ะ
ผู้ฟัง เพราะว่าไม่ได้เป็นนามธรรม ใช่ไหมคะ
ผู้ฟัง อาจารย์ว่าเป็นผลของกรรมได้ บางครั้งรูปไม่เป็นผลของกรรมก็ได้ รูปมันเกิดขึ้นเองก็มี ใช่ไหมครับ
ท่านอาจารย์ รูปเกิดขึ้นโดยสมุฏฐาน ต้องมีสมุฏฐานธรรมคือธรรมที่ก่อตั้งให้รูปเกิด ลักษณะของรูปมีลักษณะที่เกิดขึ้นปรากฏ ไม่เหมือนนามธรรม ไม่มีรูปร่างสัน สัณฐานอะไรเลย ทั้งสิ้น รสไม่มี กลิ่นไม่มี ถ้าเป็นนามธรรมล้วนๆ นึกถึงขณะแรกที่จิตเกิด ไม่มีตา ไม่มีหู แต่ธาตุรู้เกิดขึ้นแล้ว
เพราะฉะนั้น เวลานี้เรามีทั้งตาเห็น หูได้ยิน ก็รกไปหมด เต็มไปหมด ไม่รู้อะไรเป็นนาม อะไรเป็นรูป แต่ถ้าเอารูปออกหมด สี เสียง กลิ่น รส อ่อน แข็ง เย็น ร้อนไม่มี แต่ก็ยังมีธาตุรู้ หรือสภาพที่คิดนึก
เพราะฉะนั้น จึงเห็นลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมกับรูปธรรมว่า นามธรรมเป็นสภาพรู้ แต่รูปธรรมไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น รูปที่เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน มี รูปที่เกิดกับจิตเป็นสมุฏฐานต่างกับรูปที่เกิดกับกรรมเป็นสมุฏฐาน รูปที่เกิดกับอุตุเป็นสมุฏฐานก็ต่างกับรูปที่เกิดกับกรรม และจิตเป็นสมุฏฐาน รูปที่เกิดจากอาหารเป็นสมุฏฐานก็เป็นอีกสมุฏฐานหนึ่งที่ทำให้เกิดรูป ในร่างกายของเราที่เป็นสัตว์โลก มนุษย์พวกนี้ สัตว์เดรัจฉาน มีทั้งรูปที่เกิดจากกรรม มีทั้งรูปที่เกิดจากจิต มีทั้งรูปที่เกิดจากอุตุ มีทั้งรูปที่เกิดจากอาหาร แต่นอกจากสิ่งที่มีชีวิต จะมีแต่รูปที่เกิดจากอุตุ
ผู้ฟัง ขอเรียนถามรูปที่เกิดจากจิตครับ ตัวอย่างด้วยครับ
ท่านอาจารย์ ยิ้มหน่อยสิคะ นั่นแหละคะ เก้าอี้ยิ้มไม่ได้ ต้องสิ่งที่มีจิต การเคลื่อนไหว การพูดทั้งหมด คร่าวๆ พอถึงเรียนละเอียดจะรู้ว่า เป็นกลาปเล็กๆ กลุ่มที่เล็กมากในกลุ่มนั้นมีรูปอีกกี่รูปที่มากกว่า ๘ รูป เพราะว่าในกลุ่มที่เล็กที่สุด จะมีรูป ๘ รูป ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุ ลม เป็นมหาภูตรูป เป็นรูปใหญ่ แล้วก็มีสี มีกลิ่น มีรส มีโอชา เกิดร่วมด้วย ในกลุ่มที่เล็กที่สุด
ผู้ฟัง ความหมายก็เหมือนกับลักษณะของจิตที่อุปถัมภ์รูป ก็คือเหมือนกับลักษณะของความหวังที่อุปถัมภ์คนป่วย
ท่านอาจารย์ เพียงแค่นั้นเอง คือ ระหว่างนั้นไม่มีใครเอาอะไรไปให้ อาหารหรืออะไร ไม่ได้กิน แต่ก็ยังไม่ตาย ฉันใด เพราะฉะนั้น การที่จิตเกิดอยู่ระหว่างที่รูปนั้นยังตั้งอยู่ ก็เท่ากับจิตนั้นอุปถัมภ์รูปในลักษณะนั้น คือแสดงความเป็นปัจจัย ไม่เว้น แม้แต่จิตซึ่งเกิดภายหลังก็ยังอุปถัมภ์ด้วย