สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๖๗


    สนทนาธรรมที่สหรัฐอเมริกา ๖๗


    ผู้ฟัง ตั้งใจที่จะศึกษาไปเรื่อยๆ ก่อน

    ท่านอาจารย์ นี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งหมดถูก ไม่ต้องไปสนใจเรื่องการปฏิบัติเลย เป็นหน้าที่ของสังขารขันธ์ การเรียนต้องสอดคล้องกันหมด เมื่อไม่ใช่ตัวเรา ก็เป็นหน้าที่ของสังขารขันธ์ ขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นสติ ไม่ว่าจะเป็นปัญญา ไม่ว่าจะเป็นหิริโอตตัปปะ ที่เรามาศึกษาธรรม ก็เป็นสังขารขันธ์ที่จะปรุงแต่ง ถ้าถึงเวลาที่สติปัฏฐานจะเกิด ห้ามได้ไหมคะ

    ผู้ฟัง ห้ามไม่ได้ครับ

    ท่านอาจารย์ แต่ทีนี้คนอื่นที่เขาไม่รู้ความจริง เขาอยากมาก เขาพยายามที่จะให้เกิด โดยไม่รู้ว่า เป็นอนัตตา แต่สำหรับธรรมทั้งหมดจะเกิดหรือไม่เกิด ห้ามไม่ได้ อยากก็ไม่ได้ ห้ามก็ไม่ได้ แล้วแต่เหตุปัจจัย ใครอยากให้สติปัฏฐานเกิดก็ผิด เราจะห้ามไม่ให้สติปัฏฐานเกิดก็ไม่ได้ ถ้ามีปัจจัยที่สติปัฏฐานจะเกิด แต่เป็นผู้ที่รู้ตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ก็เป็นการถูกต้อง ไม่ต้องไปสนใจคิดเรื่องการปฏิบัติในเมื่อยังไม่มีเหตุปัจจัยที่จะให้สติปัฏฐานเกิด แต่ต้องศึกษาให้เข้าใจยิ่งขึ้น

    ผู้ฟัง อาจารย์ครับ ผมคิดว่าหลายๆ คนคงจะคอยตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยๆ ว่า อันนี้สติปัฏฐานหรือเปล่า

    ท่านอาจารย์ นั่นสิคะ เพราะว่าไปชักชวนกันให้ปฏิบัติ แต่เราไม่ได้ชักชวนให้ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลย ไม่ต้องไปรอ ไม่ต้องไปหวัง ไม่ต้องไปคอย นั่นเป็นเครื่องเนิ่นช้า

    ผู้ฟัง คนที่ยังไม่ได้ศึกษามามากพอก็ไม่อยากละครับ

    ท่านอาจารย์ แต่ละ ละสิ่งที่ทุกคนควรจะละ คือ ละความเห็นผิด ไม่ได้ละอะไร ไม่ได้ละโลภะที่เป็นไปในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัส ในทุกสิ่งทุกอย่าง ในความสนุกสนาน ในการดูโทรทัศน์ ในการไปเที่ยว ไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะว่าละไม่ได้ อยู่ดีๆ จะไปละได้อย่างไร ต้องมีปัญญาที่อบรมเจริญขึ้นตามลำดับขั้น ซึ่งขั้นต้นการรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระโสดาบัน ละความเห็นผิด แล้วเราอยากจะมีความเห็นผิดไหม แล้วความเห็นผิดทำให้เกิดโทษมากแค่ไหน ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง แล้วก็จะมีกายวาจาที่เป็นไปตามความเห็นผิดนั้นๆ ด้วย แล้วถ้ายังเห็นผิดไปทุกชาติ ก็ยิ่งเพิ่มพูนไม่มีทางที่จะละคลาย มีแต่จะหนาแน่นมากขึ้น ละวิจิกิจฉา ความสงสัยในสภาพธรรม ตามที่ได้เรียน ได้เข้าใจ ก็เป็นสิ่งที่ดี ละสิ่งที่ไม่ดี

    เพราะฉะนั้น พระธรรมทั้งหมดละอกุศลธรรมตามระดับขั้นของปัญญา ถ้าไม่ถึงปัญญาของระดับของพระอนาคามี ก็ไม่ต้องคิดอยากจะเป็นอนาคา เพราะเป็นไม่ได้ แม้แต่พระโสดาบัน ก็ไม่ใช่จะคิดอยากเป็นพระโสดาบัน เพราะว่าเป็นไม่ได้ด้วยความคิด เป็นไม่ได้ด้วยความหวัง แต่เป็นได้ด้วยการอบรมเจริญปัญญา ซึ่งเป็นเรื่องละตั้งแต่ต้น


    หมายเลข 9360
    21 ส.ค. 2567